วันพฤหัสที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2567

นักร้องผิดคีย์

On June 10, 2019

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 10 มิ.ย.62)

การร้องสอบยุบพรรคอนาคตใหม่ที่ปูดเรื่องฝ่ายตรงข้ามทุ่มซื้อ ส.ส. ให้เป็นงูเห่าย้ายข้างในช่วงโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาของนักร้องอิสระที่ร้องมาแล้วหลายเรื่องอาจส่งผลที่ตัวเองไม่คาดคิด เพราะอาจเป็นไปได้ว่าจะมีพรรคอื่นถูกยุบแทนที่จะเป็นพรรคอนาคตใหม่ พูดกันขนาดนี้แถลงซ้ำแล้วซ้ำเล่าคิดหรือว่าไม่มีข้อมูลหลักฐานการเจรจาเก็บไว้ ขนาดพรรคเพื่อไทยซึ่งถูกทาบซื้อเหมือนกันและยืนยันมีข้อมูลหลักฐานแน่นปึ้กก็ยังประกาศว่าจะไม่หยิบเรื่องนี้มาเล่น เพราะการเมืองเขาอะลุ้มอล่วยกัน แต่นักร้องอิสระดันมาร้องแทรกผิดคีย์

หลังชนะโหวตในสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่สอง “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีภารกิจสำคัญต้องทำคือ เกลี่ยเก้าอี้รัฐมนตรีให้พรรคการเมืองร่วมรัฐบาล

แน่นอนว่าการเกลี่ยเก้าอี้ครั้งนี้จะมีทั้งพรรคร่วมรัฐบาลที่พอใจและไม่พอใจ แต่เมื่อทำหน้าที่เกลี่ยเก้าอี้เสร็จแล้วถือว่าหมดภาระของ “ลุงตู่” คนที่จะรับภาระแทนคือหัวหน้าและแกนนำแต่ละพรรคที่ต้องไปทำความเข้าใจภายในพรรค ที่สำคัญคือต้องจัดคนมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีที่พรรคได้โควตามา

ตรงนี้แหละปัญหาใหญ่

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพรรคประชาธิปัตย์ที่มีคนรอต่อคิวนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีเป็นจำนวนมาก บางคนเป็น ส.ส. มาแล้วไม่รู้กี่สมัยยังไม่เคยสัมผัสเก้าอี้รัฐมนตรีแม้แต่ครั้งเดียว โดนนักการเมืองรุ่นหลังแซงหน้าไปก็หลายคน ยิ่งพรรคได้ ส.ส. ไม่มากทำให้ได้โควตารัฐมนตรีน้อย การจะทำให้ทุกคนในพรรคพอใจยิ่งเป็นเรื่องยาก

ช่วงสัปดาห์นี้ข่าวสารทางการเมืองจะเป็นไปในทิศทางที่ ส.ส. แต่ละพรรคไม่พอใจการจัดคนลงตำแหน่งรัฐมนตรี โดยเฉพาะ 2 พรรคหลักอย่างพลังประชารัฐและประชาธิปัตย์ ส่วนภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา ไร้ปัญหา เพราะทุกอย่างแล้วแต่เจ้าของพรรคจะตัดสิน

อย่างไรก็ตาม มีเวลาให้แก่งแย่งเก้าอี้กันได้ไม่นาน เพราะการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ต้องทำให้เสร็จก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่จะมีขึ้นในช่วงวันที่ 22-23 มิถุนายน ทั้งนี้ เพื่อความสง่างามของรัฐบาลไทยในฐานะที่เป็นประธานอาเซียน

เท่ากับว่าปลายสัปดาห์นี้หรืออย่างช้าต้นสัปดาห์หน้าเราจะได้เห็นการถ่ายภาพหมู่หน้าทำเนียบรัฐบาลของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่

ผลที่จะตามมาหลังจากคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณตนแล้ว คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะพ้นจากอำนาจหน้าที่ อำนาจพิเศษมาตรา 44 จะหลุดจากมือ “ลุงตู่” กลับเข้าสู่สภาวะการใช้อำนาจปกติตามกฎหมาย

เมื่อเกราะคุ้มกันหายก็ต้องรอดูกันว่า “ลุงตู่” จะปรับตัวได้ดีขนาดไหนกับการเป็นผู้นำประเทศที่ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมาย ก้าวพลาดไม่ได้ เพราะไม่มีตัวช่วยเหลือในมือ

ที่สำคัญคือต้องเจอแรงเสียดทานจากการทำงานในระบบรัฐสภาที่มีฝ่ายค้านคอยตรวจสอบการทำงานอย่างเข้มข้น ไม่มีพูดข้างเดียวจบแล้วยกมือผ่าน

แม้แต่ในคณะรัฐมนตรีเองก็ไม่ง่าย บรรยากาศการทำงานจะต่างไปจาก 5 ปีที่ผ่านมา หลายอย่างจะไม่ได้ดั่งใจเหมือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรัฐมนตรีต่างพรรค

ที่บางคนคิดว่า “ลุงตู่” จะเทียบชั้น “ป๋าเปรม” เป็นนายกฯไร้พรรค ไร้สังกัด มากไปด้วยบารมี ได้รับความเคารพ ได้รับความเกรงใจจากรัฐมนตรีและพรรคร่วมรัฐบาล คงไม่ง่ายขนาดนั้น อย่างน้อยต้องไม่ลืมว่า “ลุงตู่” ได้เป็นนายกฯเพราะถูกเสนอชื่ออยู่ในบัญชีของพรรคพลังประชารัฐ

การจะลอยตัวว่าเป็นนายกฯไม่มีสังกัดคงจะไม่ได้ ที่สำคัญจะใช้เรื่องยุบสภามาขู่เหมือนในอดีตก็คงไม่ได้ การเมืองวันนี้ต่างจากการเมืองในอดีต

ยุบสภาแล้วโอกาสจะกลับมาเป็นนายกฯอีกไม่ง่ายแม้จะมี 250 เสียงตุนอยู่ในกระเป๋า เพราะการจะหา ส.ส. ให้ได้ 126 เสียงจะทำได้ยากขึ้น ลำพังพรรคพลังประชารัฐถ้ามีเลือกตั้งใหม่การจะได้ ส.ส. เท่าเดิมยังเป็นเรื่องยาก

ที่สำคัญที่สุดต้องคอยฟังเรื่องที่มีคนไปร้องสอบเอาผิดพรรคอนาคตใหม่ปูดเรื่องทุ่มซื้อ ส.ส.งูเห่า ที่หวังจะยุบพรรคเขา หากเขามีหลักฐานงัดออกมาแสดงอาจจะถูกยุบพรรคเสียเอง


You must be logged in to post a comment Login