วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2567

ญิฮาดใหญ่ในสมรภูมิชีวิต

On May 29, 2019

คอลัมน์ สันติธรรม
ญิฮาดใหญ่ในสมรภูมิชีวิต
โดย บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้วันสุข วันที่ 31 พฤษภาคม – 7 มิถุนายน 2562)

เมื่อนบีมุฮัมมัดอพยพออกจากมักก๊ะฮฺไปยังเมืองมะดีนะฮฺเพื่อหาสถานที่ปฏิบัติศาสนาตามความเชื่อและเผยแผ่อิสลามได้อย่างอิสระเสรี ท่านคาดการณ์ไว้ว่าพวกหัวหน้าชาวมักก๊ะฮฺจะต้องยกทัพมากำจัดท่านอย่างแน่นอน

หลังการอพยพประมาณ 2 ปี สิ่งที่ท่านคาดคิดไว้ก็เป็นจริง ชาวมักก๊ะฮฺได้ยกทัพมาด้วยความย่ามใจในกำลังที่เหนือกว่า แต่ต้องพ่ายแพ้กลับไปพร้อมกับความแค้น

หลังจากนั้นอีกไม่นานหัวหน้าชาวเมืองมักก๊ะฮฺได้ยกกองทัพมาล้างแค้นให้แก่ความพ่ายแพ้ครั้งแรก การปะทะกันครั้งที่สองนี้เกิดขึ้นที่ทุ่งราบเชิงเขาอุฮุด สงครามครั้งนี้ฝ่ายมุสลิมได้รับความพ่ายแพ้ สาวกคนสำคัญๆหลายคนได้พลีชีพไปในสนามรบและนบีมุฮัมมัดได้รับความบอบช้ำ ฟันของท่านหัก 2 ซี่

ระหว่างเดินทางกลับเข้าเมืองมะดีนะฮฺด้วยความอิดโรย ท่านได้เปรยกับสาวกว่าหลังจากนี้จะมีญิฮาดใหญ่เกิดขึ้น คำพูดของท่านทำให้สาวกหลายคนวิตกกังวล สาวกคนหนึ่งจึงถามท่านว่าญิฮาดใหญ่คืออะไร ท่านตอบว่าญิฮาดกับตัวตนหรือการต่อสู้กับตัวเอง
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
ญิฮาดหรือการต่อสู้ด้วยอาวุธในสนามรบเกิดขึ้นไม่กี่ครั้งในชีวิตของแต่ละคน หลายคนทั้งชีวิตอาจไม่เคยออกญิฮาดด้วยอาวุธเสียด้วยซ้ำ แต่ตราบใดที่ยังมีชีวิต ตัวตนของมนุษย์ที่มีความต้องการวัตถุไม่สิ้นสุดนั่นแหละคือสิ่งที่ทุกคนต้องต่อสู้

สงครามอุฮุดเป็นสงครามที่ให้บทเรียนว่าความพ่ายแพ้ในการญิฮาดต่อตัวตนของคนไม่กี่คนที่ต้องการวัตถุคือสาเหตุแห่งความพ่ายแพ้ในการญิฮาดด้วยอาวุธ

ก่อนการรบเกิดขึ้นที่สมรภูมิอุฮุด นบีมุฮัมมัดได้สั่งสาวกที่เป็นพลธนูประมาณ 50 คน ขึ้นไปบนเนินเขาเตี้ยๆลูกหนึ่งเพื่อคอยสกัดกั้นกองทหารม้าที่อาจอ้อมภูเขาเข้ามาตีตลบหลังฝ่ายมุสลิม ท่านได้กำชับพลธนูเหล่านั้นว่าอย่าได้ละทิ้งหน้าที่และที่ตั้งเป็นอันขาดไม่ว่าสถานการณ์การรบจะเป็นอย่างไร

แม้ฝ่ายมุสลิมจะมีคนน้อยกว่า แต่ด้วยความศรัทธาที่แกร่งกล้า ฝ่ายมุสลิมสามารถตอบโต้และเป็นฝ่ายรุกไล่จนฝ่ายรุกรานถอยหนีทิ้งอาวุธและสัมภาระไว้เกลื่อนกลาดในสมรภูมิ เมื่อฝ่ายพลธนูบนเนินเขาเห็นความพ่ายแพ้และทรัพย์สินของศัตรูในสนามรบจึงเกิดความอยากได้ทรัพย์สินเหล่านั้นจนคุมตัวเองไม่อยู่ หลายคนวิ่งลงมาจากเนินเขาเพื่อเก็บทรัพย์สินของศัตรู เหลือพลธนูอยู่บนเนินเขาเพียงไม่กี่คน

เมื่อผู้นำทหารม้าของฝ่ายมักก๊ะฮฺเห็นเช่นนั้นจึงนำทหารม้าฝ่าการต่อต้านของพลธนูอ้อมเนินเขาเข้ามาโจมตีฝ่ายมุสลิมที่กำลังขับไล่ข้าศึกทางด้านหลัง ชัยชนะที่ฝ่ายมุสลิมกำลังจะได้รับจึงกลับกลายเป็นความพ่ายแพ้อย่างบอบช้ำ

นั่นคือเหตุผลที่ท่านนบีมุฮัมมัดถึงได้กล่าวว่าญิฮาดที่ใหญ่กว่าญิฮาดในสนามรบคือการญิฮาดกับจิตใจของตนเอง

ความต้องการไม่รู้จักจบจักสิ้นของตัวเองคือสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ถ้าจะดับทุกข์ต้องดับที่สาเหตุ นั่นคือการหักห้ามความต้องการที่ไม่รู้จักสิ้นสุดของตัวตน ดังนั้น ศาสนาจึงมีบทสอนศาสนิกของตนด้วยการถือศีลอดเพื่อเอาชนะความต้องการของตัวตน

เดือนรอมฎอนไม่เพียงแต่เป็นช่วงเวลาแห่งการญิฮาดกับตัวตนของชาวมุสลิมด้วยการอดข้าวอดน้ำเพื่อเอาชนะความต้องการของตัวตนเท่านั้น แต่ยังต้องญิฮาดกับตัวตนที่ต้องการจะนอนด้วยการตื่นขึ้นมากินข้าวก่อนแสงแรกของดวงอาทิตย์จะปรากฏบนขอบฟ้า

นอกจากนี้แล้วผู้ถือศีลอดยังญิฮาดกับความต้องการของหูและตาที่อยากดูหนังฟังเพลง ญิฮาดกับลิ้นของตัวเองที่มักจะชอบพูดพล่อยๆหรือไร้สาระอีกด้วย

การญิฮาดกับตัวตนซึ่งเป็นญิฮาดใหญ่นี้ไม่มีจักรพรรดิหรือผู้นำประเทศหรือผู้นำชุมชนมุสลิมคนใดเป็นผู้ออกคำสั่ง แต่มันเป็นคำสั่งโดยตรงจากพระเจ้าถึงผู้ศรัทธาในพระองค์เป็นการเฉพาะ

ดังนั้น เมื่อสิ้นสุดเดือนรอมฎอนมุสลิมในประเทศต่างๆจะเฉลิมฉลองชัยชนะในการญิฮาดกับตัวตนของพวกเขาด้วยการประกาศความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าดังก้องกังวานไปทั่วโลก


You must be logged in to post a comment Login