วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567

“ชูวิทย์”สับแหลกเรียงพรรคบอกยังไงนายกฯก็ชื่อ”ประยุทธ์”

On May 22, 2019

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์เฟซบุ๊คเรื่อง “เกลียดความจริง โปรดอย่าอ่าน” โดยระบุว่า

อัพเดทสถานการณ์บ้านเมืองแบบไทยๆก่อนเข้าสู่จุดไฮไลท์ นักการเมืองแต่ละฝ่ายไม่มีใครยอมใคร ไม่งั้นได้จัดตั้งรัฐบาลประสานมือโชว์สื่อตามสไตล์กันแล้ว

เรียงกันทีละพรรค

1.พรรคพลังประชารัฐ เจ้าถิ่นเก่า แบ็กอัพแข็ง ครองอำนาจมา 5 ปี ไม่มีแตกแถว ยึดนโยบาย “รวมกันเราอยู่ แยกหมู่เราตาย” ไม่ยอมคายสมบัติกระทรวงเกรดเอให้นักการเมืองอื่นได้ดม เรื่องความมั่นคง คมนาคม คลัง มหาดไทย ต้องสะกด “ป.ปลา” เท่านั้น

งานนี้จบยาก ขู่ใครไม่ขู่คิดจะขู่ทหาร รู้อยู่ในใจว่าคงได้ไล่เช็กบิลกันตอนหลัง พรรคที่ทำเป็นจับมือแพ็กคู่ ไปไหนไปด้วยกัน ตอนนี้โดนเขาล้วงไส้อยู่ ต้องเจอสักแผล แตกแล้วได้สะอึก ถึงมาไม่หมดพรรคก็เอา หาข้ออ้างสวยๆเอาไว้เป็นเรื่องเล่าให้ชาวบ้านฟังแก้เซ็งตอนฝนตก รถติด

2.พรรคเพื่อไทย เหมือนคนรู้ตัว และรู้มากพร้อมกัน เงียบสงบ อะไรก็ได้ ยกให้หมดบ้าน ขอนั่งฝั่งรัฐบาลเท่านั้น เอาไม่เอาไม่เป็นไร พร้อมไปเป็นฝ่ายค้าน เพราะรัฐบาลอยู่ได้ไม่นานเดี๋ยวก็ยุบสภา เลือกตั้งใหม่อีกแค่ 6 เดือน รอมาได้ตั้ง 5 ปี รออีกแป๊บเดียวก็จบ หมดยุคสภาโจ๊กแล้ว

3.พรรคอนาคตใหม่ เหมือนเวรซ้ำกรรมซัด พังเพราะหุ้น และยังพังเพราะปาก เรื่องบริจาคเงิน กุนซือไม่มี ปล่อยให้หัวหน้าพรรคออกทะเลหาคลื่นพายุใส่ตัว แทนที่จะนิ่งกลับของเข้า เล่าเรื่องร่ำรวยให้เงินพรรคกู้ยืม ฝรั่งนั่งหัวเราะชอบใจที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ จนพวกขี้อิจฉาทนไม่ไหว ไปร้อง ฟ้อง กกต.

รู้ทั้งรู้ว่าตกเป็นเป้า ผิดถูกฝั่งเขาเป็นคนตัดสิน ไม่ต้องลุ้นว่าผลเป็นอย่างไร ไม่ถูกยุบก็ไปเป็นฝ่ายค้าน เลือกตั้งเที่ยวหน้ารู้แนวการเมืองใหม่ค่อยมาปั้นดินให้เป็นดาวอีกครั้งคงยังไม่สาย

4.พรรคประชาธิปัตย์ พรรคนี้พูดไปหลายครั้งแล้ว เอาที่ข้างฝาเคยแปะไว้มาอ่านดูใหม่ได้ ตรงกันกับที่เขียนไว้เหมือนโกหก แตกดังโพละ แม้แต่นั่งประชุมยังแยกกันคนละฝั่งชัดเจน แล้วจะไปดูแลชาวบ้านกันยังไงชักสงสัย มีดโกนก็ชักไม่คมเหมือนเก่า พูดได้พูดไป แต่ไม่ทะลุหูสมาชิกพรรคที่มีกำแพงของอคติเกิดขึ้นในใจให้ขุ่นเคืองเรื่องเข้าข้าง ไม่เป็นกลาง เพราะอดรนทนไม่ไหว รอกว่า 30 ปีไม่ไปเสียที นั่งเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ จึงขอพูดให้หายข้องใจ แบบนี้ไม่ต้องย้ำซ้ำว่าเละแค่ไหน ส่วนที่อยากไปร่วมรัฐบาลก็ไป ส่วนที่อยากอยู่กอดอุดมการณ์ก็อยู่ ดูไม่จืด มติพรรคเอาเก็บไว้อ้างกับชาวบ้านก็แล้วกัน

สมาชิกอาวุโสกระซิบบอกชูวิทย์ หากพรรคจะแตกก็ให้มันแตกไป หัวหน้าไปทาง เลขาฯไปทาง ผู้อาวุโสไปอีกทาง ท้ายสุดทางใครทางมัน สะท้อนการเมืองไทยว่าไม่มีอะไรที่แน่นอนจริงๆ

5.พรรคภูมิใจไทย สายเขียวได้เฮ เพราะสงสัยเมาเข้าขั้น ติดใจมาตั้งแต่ยุคจัดตั้งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ปี 2552 ที่สุเทพเป็นผู้จัดการรัฐบาล ยกให้พรรคภูมิใจไทยหมดกระเป๋า ทั้งกระทรวงมหาดไทย คมนาคม ประธานสภา เลยคิดว่าเที่ยวนี้จะได้เหมือนเก่า เคยได้แล้วทำไมจะไม่ได้อีก ต้องยื้อสุดฤทธิ์สุดเดช แม้ถูกทั้งขู่ทั้งปลอบยังไม่เข้าตา

บุรีรัมย์ เอฟซี งัดไม้ตายเดินเกมแพ็กคู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ศัตรูและมิตรเก่าทำท่าจับมือกินอาหารบนโต๊ะ เอาคะแนนมาบวกรวมได้พลังต่อรองหนักแน่นกว่าเดิม ตามกลยุทธ์ของอดีตมังกรผู้ล่วงลับ บรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย

แต่คงใช้ไม่ได้กับยุค “ทหารเบิกบาน” คอยดูแล้วกันระหว่าง “นักการเมืองพ่อค้า” กับ “นักการเมืองทหาร” ใครจะอึดกว่ากัน อีกสักพักได้รู้กัน

ส่วนพรรคเก่าแก่ได้แค่เก้าอี้ยังไม่พอ ต้องแถมมีศักดิ์ศรีไว้แก้ต่างกับชาวบ้านด้วย ไม่ใช่ยืนหน้าเซ่อไปเข้าแถวต่อคิว

คอยดูเถอะ จะอดแดกทั้งคู่

ส่วนพรรคอื่นๆรอเสียบสองฝั่งแทงกั๊กตามสไตล์ผู้ใหญ่สอนไว้ “เดินตามอั๊ว หมาไม่กัด” ไม่มีอุดมการณ์ มีแต่รอร่วมอุดมกิน เป็นฝ่ายค้านมันอดอยาก แม้จะเป็นช่วงสั้นๆก็ไม่เอา เราพรรคเล็กทุนน้อย

ดูแล้วบ้านเมืองเหมือนเรื่องตลก เอาไว้เล่าให้ชาวบ้านเขาได้คอมเมนต์ว่าพรรคที่ออกไปลงคะแนนให้ มันเอาคะแนนของเราไปปู้ยี่ปู้ยำต่อรองกันหน้าดำหน้าแดงขนาดไหน

ท้ายสุดได้แค่บอกเล่าเก้าสิบ ดูละครการเมืองบทหนึ่งแล้วก็เข้าบ้าน ตัวใครตัวมัน

เพราะนายกฯยังชื่อ “ประยุทธ์” วันยังค่ำ


You must be logged in to post a comment Login