วันพฤหัสที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567

“เพื่อไทย”ประกาศได้ ส.ส.อันดับ1ลั่นตั้งรัฐบาลร่วมพรรคต้านสืบทอดอำนาจ

On March 25, 2019

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) แกนนำพรรค พท. นำโดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค นายโภคิน พลกุล คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย และนายชวลิต วิชยสุทธิ์ ว่าที่ ส.ส.นครพนม พรรค พท.

โดยคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่าขอบพระคุณพี่น้องประชาชนที่ให้ความไว้วางใจพรรค พท.เป็นอันดับ 1 ได้ ส.ส. มากที่สุด แม้เราจะส่งผู้สมัครเพียง 250 คนเท่านั้นเราจะมุ่งมั่นทำงานเพื่อให้ความทุกข์ของพี่น้องหมดไปอย่างรวดเร็วอย่างที่เคยให้คำมั่นไว้ทั้งนี้ การเดินหน้าต่้อจากนี้ไปคือการเดินหน้ารวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล อย่างที่เราพูดไว้ว่าพรรคที่ได้อันดับ 1 จะต้องได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรับบาลก่อน แน่นอนคนที่เราจะร่วมด้วยหลักการยังไม่เปลี่ยน คือเราจะร่วมกับพรรคที่ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ ซึ่งก็มีพรรคที่ประกาศตัวชัดเจน เราจะยังคงตามหลักการ และเจตนารมย์ที่พี่น้องประชาชนแสดงผ่านการเลือกตั้งและผ่านพรรค พท. ส่วนเรื่อง ส.ว. เรายังมีความเห็นเหมือนเดิมว่า ส.ว.ทั้ง 250 คน จะต้องฟังเสียงของประชาชน

ด้านนายภูมิธรรม กล่าวว่า จากการตรวจสอบผลการเลือกตั้งพรรค พท. ได้ ส.ส.เขตจำนวน 137 ที่นั่ง อันดับ 2 ได้ 112 ที่นั่ง และพรรคที่ได้ที่นั่งในสภาสูงสุดต้องได้ตั้งรัฐบาล ดังนั้น เราจะเร่งประสานพรรคการเมืองที่ไม่อยากเห็นการสืบทอดอำนาจเพื่อตั้งรัฐบาลต่อไปทั้งนี้ เจตจำนงของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ ส.ว. 250 คนต้องทำหน้าที่ให้เป็นอิสระ ให้สบกับงบประมาณพันกว่าล้านบาทของประชาชนที่ใช้สรรหาท่านมา

นายโภคิน กล่าวว่า เมื่อตรวจสอบผลการเลือกตั้งของพรรคที่ประกาศตัวชัดเจนว่าไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจน่าจะมีมากกว่า 300 เสียง ดังนั้น 300 เสียง จาก500 เสียง ถือว่าเกินกึ่งหนึ่งคือเจตจำนงของพี่น้องประชาชนที่ต้องการี่ยน ดังนั้น เราในฐานะพรรคอันดับ 1 จะเดินหน้าทำหน้าที่ของเราจนถึงที่สุด

เมื่อถามว่า แม้พรรค พท. จะได้ ส.ส.เขต มากกว่า แต่คะแนนรวมของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็ได้มากกว่า เขาก็มองว่าเขาได้มากกว่า นายโภคิน กล่าวว่ากติกาของเราไม่ได้ดูที่ใครได้เสียงประชาชนมากกว่า แต่ดูที่ใครมีเสียง ส.ส. ในสภามากกว่ากัน เพราะการจะเลือกนายกฯ นั้น เขาเลือกที่จำนวน ส.ส. แต่คราวนี้ไปบวกกับเสียง ส.ว. 250 คนด้วย ซึ่งเกิดขึ้นในหลายกรณีในต่างประเทศ เช่น ประเทศอังกฤษ ที่พรรคที่ได้เสียงที่ข้างมาก แต่ได้คะแนนความนิยมโหวตน้อยก็จบตามกติกา หรือของอเมริกา เช่น โดนัล ทรัมป์ ก็ได้ป๊อปปูล่าโหวตน้อยกว่า แต่คนที่จะไปเลือกนั้นมีมากกว่า ทรัมป์ก็ชนะไป คือเราจะต้องเอากติกา ถ้าบอกเอาคะแนนสนับสนุนมันไม่จบ วันนี้กติท่านเขียนเองเป็นแบบนี้ คนที่จะเลือกนายกฯ ไม่ใช่ป๊อปปูล่าโหวต แต่เป็นป๊อปปูล่าโหวตที่มาเลือก ส.ส. แล้ว ส.ส. ไปเลือกนายกฯ

เมื่อถามว่า จะมีโอกาสจับมือร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า หัวหน้าพรรค ปชป. คนเก่า เขาประกาศว่าจะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ดังนั้น ต้องรอให้หัวหน้าคนใหม่ และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่ก่อน

เมื่อถามว่า พรรค พท. จะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ จากพรรค พท. หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า จะเป็นการร่วมมือกันของพรรคฝ่ายประชาธิปไตยที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง เรายึดเอาเจตนารมย์และความต้องการของประชาชนเป็นที่ตั้ง เราอยากจะสร้างให้การเกิดขึ้นของรัฐบาลในอนาคตข้างหน้าเป็นไปเพื่อตอบสนองเจตนารมย์ของประชาชน ดังนั้น เรื่องนี้เราจะต้องมีมีการคุยกันว่าอะไรคือทางออกของพรรคฝ่ายประชาธิปไตยที่ดีที่สุด และพาประเทศหลุดพ้นจากสภาพเดิมๆ เราก็จะทำหน้าที่นั้น

เมื่อถามว่า ได้มีการประสานกับพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เพื่อตั้งรัฐบาลแล้วหรือยัง นายภูมิธรรมกล่าวว่า เมื่อพรรค พท. ได้แสดงท่าทีแล้ว เชื่อว่าพรรคอื่นๆ จะแสดงท่าทีออกมาเช่นกัน อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังมีเวลาที่จะพูดคุยกันว่าอะไรคือสิ่งที่ประชาชนต้องการมากที่สุด

ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ไม่ต้องกังวลนะคะ ไม่มีปัญหาใดๆ เรื่องการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ เพราะเป็นสิ่งที่เราต้องพูดคุยกัน และในกติกาที่ทำให้ผลการเลือกตั้งเป็นแบบนี้ รวมถึงสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลในการเลือกตั้ง ซึ่งออกมาผ่านสื่อมวลชนมากมายไม่อยู่ในวิสัยปกติ ดังนั้น พรรค พท. จะรวบรวมหลักฐาน และจะได้แถลงเป็นระยะ ส่วนประเด็นที่เป็นกังวล ยืนยันว่าพรรค พท. เราจะไม่ทำอะไรให้ประชาชนผิดหวัง เราจะทำในเจตนารมย์ที่ประชาชนได้มีความประสงค์ และฝากความหวังเอาไว้ เราจะมีการพูดคุยกันกับพรรคร่วม โดยเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นที่ตั้ง ผลประโยชน์ของพรรคเป็นรอง เราจะร่วมกันทำให้ประเทศไทยเดินหน้าได้ด้วยความสงบสุข ทั้งนี้ การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ต้องเป็นการจัดตั้งรับบาลที่ 1. แก้ไข ตอบสนองสิ่งที่ประชาชนปรารถนาให้ได้ และ 2.เป็นการเริ่มต้นเข้าสู่บริบทประเทศที่เป็นประชาธิปไตย และมีกติกาที่เป็นสากล

เมื่อถามว่า หลายฝ่ายมองว่าพรรค ภท. คือตัวแปลหลัก หากไม่มีเสียงพรรค ภท. อาจไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป้าหมายเราตั้งไว้ชัดเจน เราจะตอบสนองเจตนารมย์ของประชาชน และเสียงข้างมากในครั้งนี้ เป็นเสียงสะท้อนที่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ หากมองผลประโยชน์ และเจตนารมย์ของประชาชนเป็นหลักก็สามารถจับมือกันตั้งรับบาลได้

เมื่อถามว่า จะรับได้ไหม หากจับมือกับพรรคร่วมแล้วไม่มีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯจากพรรค พท. นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องที่เราจะต้องคุยกัน ยึดเอาฉันทามติความชัดเจนจะเกิดขึ้นหลังจากที่พวกเราออกจากห้องแถลงนี้ไปแล้ว เพราะไม่มีเวลารอช้าแล้ว เมื่อใดก็เมื่อนั้น


You must be logged in to post a comment Login