วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567

เห็นต่างไม่ใช่แตกแยก

On March 20, 2019

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 20 มี.ค. 62)

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวอย่างภาคภูมิใจในการมอบโฉนดให้คนยากจนที่ถูกยึดที่ไปแล้วได้กลับคืนมาว่า ไม่มีรัฐบาลไหนทำได้ แต่รัฐบาลนี้ทำได้ แม้จะเป็นคนส่วนน้อย แต่ก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากๆ เพราะคนจนที่ถูกยึดที่ทำมาหากินจำนวนไม่น้อยที่จำยอมถูกเสียเปรียบหรือบางคนถูกโกง รัฐบาลนี้จึงหาช่องทางเพื่อเอาคืนให้

เรื่องโฉนดคนยากคนจนถือเป็นการสะท้อนผลงานที่น่ายกย่อง แต่ต้องแยกออกจากเรื่อง “นาฬิกาเพื่อนให้ยืม” ซึ่งต้องสร้างความเชื่อมั่น สร้างศรัทธากันต่อไป เพราะคนจำนวนมากไม่ยอมรับ และส่งผลกระทบถึงองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันให้ถูกตั้งข้อกังขาต่างๆนานาด้วย

การทำให้คนมีความสุขอย่างการคืนโฉนดให้คนยากจนย่อมส่งผลถึงความน่าเชื่อถือด้วย คือเข้าทางพอดีอย่างที่พูดว่า “บุญพาวาสนาส่ง” เหมือนผลงานของรัฐบาล ถ้าทำดี ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ประชาชนก็พร้อมจะสนับสนุนให้อยู่นานๆ แต่ถ้าไม่ถูกใจไม่พอใจก็มีแต่เสียงขับไล่ ซึ่งการเลือกตั้งจะเป็นตัวบ่งชี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้อยู่ต่อหรือไม่ และ พล.อ.ประวิตรจะได้ร่วมทำงานต่อหรือไม่

คะแนนเสียงคะแนนนิยมไม่ได้อยู่แค่ผู้สมัคร ส.ส. แต่อยู่ที่ผู้นำด้วย อย่างที่ พล.อ.ประวิตรได้รับการชื่นชมยกย่องจากคนยากจนก็เนื้อหอมและได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น หน้าตาก็เบิกบาน ทั้งที่ผ่านปัญหามาสารพัด นี่แหละที่เขาบอกว่า “ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน”

คนเรามีทั้งได้และเสีย มีบวกมีลบ มีสมหวังมีผิดหวัง มีแพ้มีชนะ เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องพบต้องเจอ ใครหนักแน่นก็อยู่ได้ อย่างที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เคยให้ข้อคิดว่า อย่ามองคนเห็นต่างเป็นศัตรู ต้องมองอย่างเป็นมิตร

ผู้หลักผู้ใหญ่ในแผ่นดินสะกิดเตือนก็ต้องนำมาคิด มาตรึกตรอง ถ้ามองทุกคนที่เห็นต่างเป็นศัตรูไปหมด บ้านเมืองก็มีแต่หายนะ ประเทศไทยก็จะไปไม่รอดและอาจต้องวิ่งไล่เพื่อนบ้านที่เคยอยู่ข้างหลัง จึงหวังว่าจะฟังเสียงเตือนจากผู้หลักผู้ใหญ่กันบ้าง อะไรที่อึดอัดอยู่ก็จะได้สบายใจ อะไรที่เคยสร้างความหงุดหงิด สร้างความไม่สบายใจ ก็จะโล่งและสบายใจ เพราะใจว่างและไม่คาอกคาใจ

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login