วันพฤหัสที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567

“เพื่อชาติ”ลั่นยอมเป็นพรรคจนๆดีกว่าเป็นขี้ข้าพวกเจ้าสัว

On March 15, 2019

ที่พรรคเพื่อชาติ (พช.) นายสงคราม กิจโรจน์ไพเลิศ หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยนางลลิตา เลิศสำราญ รองหัวหน้าพรรค น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรค และนายยงยุทธ ติยะไพรัช ผู้ช่วยหาเสียงของพรรค ร่วมกันแถลงข่าว “โค้งสุดท้ายกับพรรคเพื่อชาติ”

โดยนายสงคราม กล่าวว่า โค้งสุดท้ายนี้นโยบายเรื่องความยุติธรรมมีความสำคัญมาก โดยจะต้องมีความเป็นสากล เพราะจะเป็นสิ่งที่ทำให้นานาชาติยอมรับ และเชื่อมั่นในการที่จะเข้ามาลงทุน ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ประเทศไทยเกิดการรัฐประหารมาหลายครั้ง จึงทำให้เกิดความลักลั่นในกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะความยุติธรรมทางการเมือง รัฐบาลที่ถูกรัฐประหารจะมีข้อกล่าวหาต่างๆตามมา แล้วมีการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ โดยคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาพิเศษ เพื่อเข้ามาควบคุมไม่ให้ใครมาต่อต้าน คนที่มาเป็นฝ่ายตรวจสอบอยู่ภายใต้การควบคุมของคณะรัฐประหาร ทำให้คนที่ถูกตรวจสอบหลายคนต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ ซี่งประเทศต่างๆเขารู้อยู่แล้วว่าคนที่ถูกกล่าวหาถูกกล่าวหาในทางการเมือง เช่น กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่มีข้อสงสัยว่าหากผิดจริง เหตุใดประเทศต่างๆจึงไม่เข้าจับกุม แต่กลับให้การต้อนรับเป็นอย่างดี นั่นสะท้อนให้เห็นว่าประเทศต่างๆไม่ได้เห็นด้วยกับข้อต่างๆเหล่านี้ พรรค พช. เราเห็นคุณค่าของคนไทยด้วยกัน คนที่ต้องหนีภัยต่างๆยังเป็นสินทรัพย์ของประเทศไทย ทั้งที่เขามีความรู้ ความสามารถ พรรคพช.เราเห็นว่าต้องเอาความรู้ ความสามารถนี้มาใช้ให้เป็นทุน แต่กระบวนการตามกฎหมายก็ดำเนินการ และว่ากันไป เพียงแต่คนที่จะเข้ามาทำหน้าที่สอบสวนต้องเป็นกลาง และมีความยุติธรรม พรรค พช. จะเป็นเกาะกลาง ไม่ใช่เฉพาะกรณีนายทักษิณ แต่ต้องเป็นเกาะกลางให้คนไทยทุกคน

นายสงคราม กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เรายังมองว่าต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้กับกิจการต่างๆ พรรค พช. ต้องเป็นผู้บุกเบิกในการสร้างขีดความสามารถของคนรุ่นใหม่ โดยการปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนให้มีการเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยี สร้างชาติ เพื่อสร้างคน อนาคตการรบก็ไม่เห็นตัวกันแล้ว ดังนั้น กำลังพลควรอยู่ในศูนย์บัญชาการ ใช้เอไอเข้ามาช่วย ลดการเกณฑ์ทหาร ใช้สมอง และเทคโนโลยีมาประยุกต์ให้ ต่อมาคือเรื่องความเหลื่มล้ำทางสังคม การผูกขาดตัดตอนที่ทำห้ทรัพย์สินขิงชาติไหลไปกองกับกลุ่มบุคคล ซึ่งไม่เกิดการกระจายให้คนทั่วไป ทำให้เกิดความยากจน เราต้องมีนโยบายเลิกสัมปทานผูกขาด โดยใช้กฎหมายที่มีอยู่ และไม่คำนึงถึงอิทธิพลของคนๆนั้น และเรายังมีนโยบายทลายกำแพงใจ เพื่อสร้างความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ จะระดมหน่วยงานของราชการ และสถาบันการศึกษามาทำกิจกรรมให้เกิดการทำกิจกรรมร่วมกัน เราจะใช้หัวใจสร้างความร่วมมือให้พี่น้องประชาชน

“ขอให้คู่ขัดแย้งทุกฝ่ายทำใจ เสียและหันหน้ามาคุยกันให้ได้ และที่เรากล้าพูดดังๆเรื่องการหยุดความผูกขาด เพราะเราไม่เคยไปขอเงินเจ้าสัวทั้งหลาย เรายอมเป็นพรรคจนๆดีกว่าไปเป็นขี้ข้าพวกเจ้าสัว” นายสงคราม กล่าว

ด้านนายยงยุทธ กล่าวว่า ขณะนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในเรื่องนโยบายความปรองดอง โดยเฉพาะกรณีที่จะพานายทักษิณกลับบ้าน วันนี้ขอแจงว่า สังคมไทยปัจจุบันถูกตั้งคำถามอย่างมากว่า กระบวนการยุติธรรมของเรา 2 มาตรฐานใช่ไหม เหตุใดกรณีเดียวกันคนหนึ่งถูกดำเนินคดี คนหนึ่งรอด ทำให้ความเชื่อมั่นหายไป ดังนั้น เรื่องที่เกิดมาตั้งแต่ปี 2549 เราให้อภัยต่อกัน แต่กรณีนายทักษิณ คำตัดสินไม่ได้รับการยอมรับเพราะกระบวนการ และการพยายามหาหลักฐานไม่มีความเป็นธรรม ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาไม่มีความมั่นใจ หลายคนบอกให้กลับมาติดคุกก่อน ซึ่งหากเราเป็นผู้ถูกกระทำ ซึ่งไม่ได้รับความเป็นธรรม เราจะรู้สึก และความคิดนี้ต้องเปลี่ยนไปแน่นอน ดังนั้น เราต้องมาพูดคุยกัน และเริ่มต้นกระบวนการที่ทำให้นายทักษิณเชื่อมั่น แล้วกลับมาประเทศไทย เชื่อว่าความขัดแย้งจะลดลงอย่างแน่นอน

“หยุดได้แล้ว อย่าได้สร้างผีทักษิณให้เกิดขึ้น แล้วคู่แข่ง หรือคู่ขัดแย้งทางการเมืองหันหน้ามาคุยกัน หยุดไล่คนที่เห็นต่างว่า ใครไม่เห็นด้วยให้ไปอยู่กับทักษิณ ฝ่ายผู้มีอำนาจปัจจุบัน ขัดแย้งกับนายทักษิณอย่าทำให้หญ้าแพรกซึ่งก็คือประชาชนได้รับความเดืออร้อน นายทุนทั้งหลายก็ต้องกยุดการผูกขาด” นายยงยุทธ กล่าว


You must be logged in to post a comment Login