วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567

มุฮัมมัดผู้ทำบ้านของพระเจ้าให้สะอาด

On March 6, 2019

สันติธรรม
มุฮัมมัดผู้ทำบ้านของพระเจ้าให้สะอาด
โดยบรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้วันสุข 8-15 มีนาคม 2562)

ก๊ะอฺบ๊ะฮฺแปลว่าสี่เหลี่ยมทรงลูกเต๋า มันเป็นชื่อเรียกอาคารทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสในเมืองมักก๊ะฮฺที่ชาวมุสลิมทั่วโลกไปเวียนรอบในพิธีฮัจญ์ปีละครั้งนับตั้งแต่อิบรอฮีมได้รับบัญชาจากพระเจ้าให้สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสถานที่เคารพสักการะพระองค์ ก๊ะอฺบ๊ะฮฺยังถูกเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “บัยตุลลอฮฺ” ซึ่งแปลว่าบ้านของพระเจ้า

อิบรอฮีมกับอิสมาอีลลูกชายคนแรกของเขาร่วมกันสร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺโดยการนำก้อนหินที่หาได้ในบริเวณนั้นมาก่อเป็นอาคารสี่เหลี่ยมผืนผ้า เมื่องานที่ถูกสั่งให้ทำสำเร็จแล้ว อิบรอฮีมได้วิงวอนต่อพระเจ้าด้วยความนอบน้อมถ่อมตนให้รับงานที่พระองค์สั่งให้เขาทำ ราวกับผู้รับเหมาพินอบพิเทาให้ผู้มีอำนาจลงนามรับงานของตนเพื่อได้รับเงินค่าจ้าง

หลังจากนั้นอิบรอฮีมได้วิงวอนต่อพระเจ้า 3 เรื่อง และพระเจ้าได้ตอบรับคำวิงวอนทั้งสามของเขา คำวิงวอนแรกคือ เขาขอให้บริเวณรอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยจากการทำร้ายกันของผู้มาทำพิธีฮัจญ์

คำวิงวอนที่สอง เขาขอพระเจ้าให้ประทานผลไม้แก่ชาวเมืองมักก๊ะฮฺที่ไม่สามารถปลูกต้นไม้ได้เพราะทั้งเมืองมีแต่หิน ทุกวันนี้เมืองมักก๊ะฮฺมีผลไม้จากทั่วโลกให้ผู้ที่อยู่ที่นั่นกินอย่างอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งมีน้ำซัมซัมที่ไหลหล่อเลี้ยงผู้คนที่นั่นมานานนับหลายพันปีก่อนจนกระทั่งปัจจุบัน

คำวิงวอนที่สาม เขาขอให้ลูกหลานของเขาได้เป็นผู้นำของมนุษยชาติ พระเจ้าตอบรับคำวิงวอนของเขาด้วยการให้เขามีลูกชายคนที่สองชื่ออิสฮากผู้เป็นพ่อของยะกู๊บหรือยาโกบผู้ได้ฉายาว่าอิสราเอล ลูกหลานของยะกู๊บได้เป็นผู้นำที่โลกรู้จักมาตั้งแต่อดีต เช่น โมเสส เดวิด โซโลมอน เยซัส เป็นต้น

ส่วนอิสมาอีลลูกชายคนแรกของอิบรอฮีมนั้น คัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่าเขามีลูกชายคนหนึ่งชื่อเคดาร์หรือฮัยดัรฺ และเคดาร์ผู้นี้เป็นต้นตระกูลชนเผ่ากุเรชซึ่งเป็นเผ่าที่นบีมุฮัมมัดถือกำเนิดขึ้นมา

หากศึกษาประวัติศาสตร์ ลูกหลานของอิบรอฮีมในสายของยะกู๊บมีบทบาทในแผ่นดินกันอานหรือปาเลสไตน์และในอียิปต์ ส่วนลูกหลานของเคดาร์มีบทบาทในทะเลทรายอาหรับ

หลังจากอิบรอฮีมและอิสมาอีลจากโลกนี้ไป ลูกหลานของอิบรอฮีมหลงลืมความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวที่อิบรอฮีมและอิสมาอีลพร่ำสอน ชนเผ่ากุเรชและอาหรับเผ่าอื่นๆได้นำเอาวัตถุบูชาทั้งหลายที่แต่ละเผ่าถือว่าศักดิ์สิทธิ์มาตั้งไว้ทั้งข้างในและรอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺ และเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้แทนพระเจ้าที่แท้จริง
Kabah 4
ดังนั้น ในพิธีทำฮัจญ์ทุกปีแทนที่ชาวอาหรับผู้เป็นลูกหลานของอิบรอฮีมจะเคารพสักการะพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของก๊ะอฺบ๊ะฮฺ พวกเขากลับเคารพบูชาเทวรูปต่างๆที่ต่างเผ่าต่างตั้งขึ้นมา และเทวรูปเหล่านี้เองที่ดึงดูดชาวอาหรับทั่วคาบสมุทรอาหรับเดินทางมาทำฮัจญ์ที่มักก๊ะฮฺทุกปี

ความอวิชชาดังกล่าวของชาวอาหรับดำเนินมาเป็นเวลานับพันปีก่อนหน้าสมัยอิสลาม เมื่ออับรอฮะกษัตริย์แห่งเยเมนรู้ข่าวว่าทุกปีชาวอาหรับจะเดินทางมาทำพิธีฮัจญ์ เขาได้สร้างวิหารที่ใหญ่กว่าและสวยงามกว่าก๊ะอฺบ๊ะฮฺขึ้นในเยเมน และเชิญชวนให้ผู้คนไปทำพิธีฮัจญ์ที่วิหารของเขาในเยเมน แต่เมื่อไม่มีคนไปเขาจึงส่งกองทัพมายังมักก๊ะฮฺเพื่อทำลายก๊ะอฺบ๊ะฮฺโดยหวังว่าผู้คนจะไปทำพิธีฮัจญ์ที่ประเทศของเขา แต่แผนการของเขาล้มเหลวเพราะพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของบัยตุลลอฮฺได้รักษาบ้านของพระองค์ไว้ ซึ่งทำให้กองทัพของอับรอฮะต้องปราชัยกลับไปอย่างยับเยิน

อย่างไรก็ตาม ความอวิชชาของชาวเมืองเมืองมักก๊ะฮฺในเวลานั้นยังคงอยู่ พวกเขาเห็นด้วยตาตัวเองว่ารูปปั้นศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเขาเคารพบูชานั้นไม่ได้ช่วยเหลืออะไรในการป้องกันบ้านของพระเจ้าเลย
แต่หลังจากกองทัพของอับรอฮะพ่ายแพ้กลับไป ในวันที่ทารกน้อยนามมุฮัมมัดถือกำเนิดขึ้นในเมืองมักก๊ะฮฺ ปรากฏว่าเจว็ดบูชารอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺจำนวน 360 องค์ได้ล้มลง ทั้งๆที่เทวรูปเหล่านั้นถูกถ่วงไว้ด้วยตะกั่วเพื่อไม่ให้ล้ม
หลังจากนั้นอีกประมาณ 60 ปี รูปปั้นเจว็ดบูชาเหล่านั้นได้ถูกทำลายโดยคำสั่งของนบีมุฮัมมัด เพื่อทำให้ก๊ะอฺบ๊ะฮฺหรือบัยตุลลอฮฺมีไว้สำหรับการเคารพสักการะพระเจ้าองค์เดียวตามเจตนาของเจ้าของบ้านตราบถึงวันสิ้นโลก


You must be logged in to post a comment Login