วันพฤหัสที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

สืบสานสันดานชั่ว

On February 20, 2019

คอลัมน์ สันติธรรม
สืบสานสันดานชั่ว
โดย บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้วันสุข 22 กุมภาพันธ์-1 มีนาคม 2562)

ถ้าคุณเป็นพ่อของลูกชายหลายคน และคุณรักลูกชายคนสุดท้องเพราะความน่ารักและเป็นเด็กดี แต่พวกพี่ๆกลับอิจฉาน้องจนถึงกับรวมหัวกันวางแผนฆ่าลูกรักของคุณ ในฐานะที่เป็นพ่อหัวใจของคุณคงเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก

ยิ่งอยู่ในวัยชราและต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ หากไม่มีหลักธรรมนำชีวิตคุณคงอาจสติแตกและอาจทำสิ่งที่คุณเองหรือคนอื่นๆอาจคิดไม่ถึง

เรื่องราวดังกล่าวมิใช่ชาดกและมิใช่นิทานสอนคุณธรรมที่คนเขียนขึ้น แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดในครอบครัวของยาโกบและมีกล่าวไว้ในคัมภีร์ไบเบิล ชาวยิวและชาวคริสเตียนรู้เรื่องนี้ดีถ้าอ่านคัมภีร์
yusuf
ครอบครัวของยาโกบอาศัยอยู่ในแผ่นดินกันอานหรือปาเลสไตน์ วันหนึ่งลูกๆของยาโกบรบเร้าขออนุญาตพ่อของพวกตนพายูซุฟ (โยเซฟ) น้องชายไปวิ่งเล่น ยาโกบให้อนุญาตด้วยความไม่เต็มใจ

พอพ้นสายตาพ่อพวกพี่ๆได้จับยูซุฟโยนลงบ่อน้ำแห่งหนึ่งที่แห้งขอดโดยหวังให้น้องชายของตนตายในบ่อน้ำ หลังจากนั้นพวกพี่ๆได้เชือดแกะแล้วเอาเลือดแกะทาบนเสื้อของยูซุฟนำกลับไปเป็นหลักฐานประกอบการตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จให้พ่อฟังว่ายูซุฟถูกหมาป่าคาบไปกิน

ความเป็นนบีของยาโกบผู้มีประสาทสัมผัสที่หกรู้ดีว่าลูกๆของตัวเองสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมา เพราะเสื้อของยูซุฟไม่มีรอยฉีกขาดจากการถูกหมาป่ากัดและกลิ่นเลือดของแกะไม่เหมือนกับของคน แต่เมื่อทำอะไรไม่ได้ยาโกบจึงพูดกับลูกๆของเขาอย่างขมขื่นว่า “ตัวตนที่เลวร้ายของพวกเจ้าต่างหากที่บงการให้พวกเจ้าทำเรื่องชั่วๆ ไม่เป็นไร พ่อจะอดทนอย่างสวยงาม”

ความอดทนอย่างสวยงามที่ยาโกบพูดออกมาในเวลานั้นคือ การยอมรับพระประสงค์ของพระเจ้าด้วยความหวังว่าพระเจ้าจะคุ้มครองยูซุฟและคลี่คลายสถานการณ์ไปในทางที่ดีแม้จะต้องรอคอยนานสักปานใดก็ตาม เพราะเขาเชื่อว่ายูซุฟยังไม่ตาย นี่คือคุณธรรมแห่งความอดทนอันยิ่งใหญ่ของยาโกบ และคุณธรรมนี้เองที่ทำให้เขาประคองชีวิตด้วยความหวังในความเมตตาของพระเจ้า

ยูซุฟอยู่ใต้ก้นบ่อน้ำสักพัก กองคาราวานที่เดินทางไปอียิปต์มาพบเขาและนำตัวเขาขึ้นจากบ่อไปขายในอียิปต์ ขุนนางคนหนึ่งได้ซื้อยูซุฟไว้และนำเขาไปเลี้ยงในบ้านของตัวเอง โดยคิดจะรับเขาเป็นลูกบุญธรรมเพราะตนเองไม่มีลูก

เมื่อโตขึ้นยูซุฟได้รับความรู้พิเศษจากพระเจ้าในเรื่องการทำนายฝัน เขาสามารถทำนายฝันของกษัตริย์ได้ว่าอียิปต์จะอุดมสมบูรณ์นาน 7 ปี และอีก 7 ปีจะมีภาวะแห้งแล้งเกิดขึ้น เขาจึงขออาสารับหน้าที่บริหารเรื่องการเกษตรและการคลังของอียิปต์

ด้วยความสามารถของเขา ชาวอียิปต์และเพื่อนบ้านข้างเคียงจึงพ้นวิกฤตความอดอยาก เขาจึงได้กลายเป็นกษัตริย์ปกครองอียิปต์ในเวลาต่อมา เมื่อเป็นใหญ่ในอียิปต์เขาไม่เคยลืมครอบครัวของเขา เขาได้เชิญพ่อแม่และพวกพี่ๆที่เคยฆ่าเขาในแผ่นดินปาเลสไตน์มาอยู่ในอียิปต์

นี่เป็นการย้ายถิ่นฐานครั้งแรกของพวกลูกหลานอิสราเอล และถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์ไบเบิล

เรื่องราวของยาโกบและยูซุฟถูกบอกเล่าไว้ในคัมภีร์กุรอานอีกครั้งเมื่อท่านนบีมุฮัมมัดเริ่มเผยแผ่อิสลามในมักก๊ะฮฺและประกาศตนว่าท่านเป็นนบี แต่พวกลูกหลานอิสราเอลในอาหรับไม่เชื่อ เพราะพวกลูกหลานอิสราเอลถือว่านบีมุฮัมมัดเป็นชาวอาหรับที่ไม่รู้หนังสือ หากพระเจ้าจะให้มีนบีเกิดขึ้น นบีคนนั้นต้องเกิดในเชื้อสายของพวกตน

เมื่อชาวยิวอคติว่านบีมุฮัมมัดไม่รู้หนังสือ แต่อ้างตนเป็นนบี ชาวยิวจึงใช้ชาวอาหรับไปถามนบีมุฮัมมัดว่าท่านรู้ไหมว่าทำไมพวกลูกหลานอิสราเอลจึงอพยพมายังอียิปต์ ชาวยิวคิดว่านบีมุฮัมมัดคงไม่รู้เรื่องนี้ ถ้านบีมุฮัมมัดตอบไม่ได้ พวกตนจะหัวเราะเยาะในความไม่รู้ในสิ่งที่ชาวยิวรู้ พระเจ้าจึงประทานเรื่องราวของยาโกบและยูซุฟให้แก่ท่านนบีมุฮัมมัดเพื่อยืนยันว่าท่านได้รับความรู้จากพระเจ้า

วัตถุประสงค์อีกประการหนึ่งที่พระเจ้าประทานเรื่องราวของครอบครัวยาโกบแก่นบีมุฮัมมัดในขณะที่ท่านกำลังถูกหัวหน้าชาวเมืองมักก๊ะฮฺต่อต้าน ก็เพื่อส่งสัญญาณบอกให้ท่านรู้ว่าขณะนี้มีญาติบางคนของท่านกำลังวางแผนฆ่าท่านเหมือนกับพวกพี่ๆของยูซุฟวางแผนฆ่ายูซุฟ

ยาโกบได้ฉายาว่าอิสราเอล ลูกๆของยาโกบจึงถูกเรียกว่า “ลูกหลานอิสราเอล” วันนี้คำว่าอิสราเอลได้ถูกนำไปใช้เป็นชื่อประเทศที่กำลังเข่นฆ่าชาวปาเลสไตน์ที่อ่อนแอ ไม่ต่างไปจากลูกๆของยาโกบที่วางแผนสังหารน้องชายของตนในอดีต


You must be logged in to post a comment Login