วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2567

ทั้งรุ่งและร่วง

On January 23, 2019

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 23 ม.ค. 62)

อาตมามาดูงานที่วัดสวนแก้วสาขากบินทร์บุรี มีการปลูกต้นไม้หลายชนิด บางชนิดเป็นพืชเศรษฐกิจที่กำลังรุ่ง บางชนิดเป็นพืชที่กำลังร่วง ใครจะปลูกพืชอะไรก็ต้องดูให้ดี บางชนิดอาจรุ่งที่โน่นแต่มาร่วงที่นี่ก็ได้ เช่น มะปราง ตอนที่ซื้อมาคนขายก็บอกว่าออกดอกเยอะและติดลูกเยอะ อาตมาซื้อมา 30,000-40,000 บาทไม่ติดเลย เพราะอากาศมันแปรปรวน หนาวก็หนาวไม่กี่วัน

สะบัดร้อนแล้วสะบัดหนาว ต้นไม้มันคงงง มะปรางเลยไม่ออกดอก มะม่วงก็ไม่ค่อยออก แต่ปีนี้ที่ได้ดีคือสะเดามัน มาแรงและกำลังรุ่งที่สุดที่สาขากบินทร์บุรี ทุเรียนก็งามมาก ใบยอดแตกดำพุ่งยอดเป็นศอกเต็มต้น ลูกก็เริ่มเห็น เกือบเท่ากำปั้นก็มี เท่าหัวแม่โป้งหัวแม่เท้าก็มี แต่ส้มโอเก่าก็ไม่ค่อยดี

เรื่องดินฟ้าอากาศ ทำให้รู้ทันและไม่ถูกหลอก ปุ๋ยวิเศษต่างๆวิเศษอย่างไรก็สู้ธรรมชาติไม่ได้ ธรรมชาติสวิงไปมาจนต้นไม้มันสับสน จึงอย่าไปเชื่อโฆษณาอย่างเดียว อย่างมะปรางที่วัดสวนแก้วนนทบุรีมีดอกเยอะและติดพอสมควร แต่ที่กบินทร์บุรีและนครนายกมีน้อยมาก เพราะดินฟ้าอากาศวิปริต เคยได้ปีหนึ่งร้อยเข่ง ปีนี้ได้ไม่ถึงครึ่งเข่ง มันเจ๊งระเนระนาด อย่างนี้เรียกว่าพืชขาลง แต่ไม่นึกว่าทุเรียนที่กบินทร์บุรีจะงามกว่าที่ปลูกที่เมืองนนท์ 3 เท่าตัว ปลูกที่นนทบุรี 3 ปี 5 ปี หรือ 7 ปี ถึงจะมีลูก แต่ที่กบินทร์บุรี 3 ปีออกดอกแล้ว บางต้นก็งามเอาๆ

การปลูกพืชปลูกผลไม้ต้องปลูกให้ถูกกับฤดูกาล สถานที่ เกษตรกรต้องรู้ทัน รู้แก้ รู้กัน อย่าไปเชื่อปุ๋ยหรือยาที่ว่าวิเศษ ลองให้เขามาฉีดดูว่าถ้าฉีดแล้วมันออกดอกออกลูกดกจริงหรือไม่ แต่อย่าฉีดทุกต้น มี 100 ต้นก็ทดลองฉีดสัก 20 ต้น เปรียบเทียบกับต้นที่ไม่ฉีด

อันนี้เป็นเรื่องจริงๆที่เห็นว่าอาชีพเกษตรกรมีทั้งรุ่งและร่วง อยู่ที่ว่าเราปลูกพืชอะไร และรู้ทัน รู้แก้ รู้กันหรือไม่ ใครฉลาดปลูกก็รุ่งก็พุ่ง ทำให้มีรายได้ มีอาชีพยั่งยืนมั่นคงได้

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login