วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2567

เรียกแต้มทางอ้อม

On January 15, 2019

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 15 ม.ค. 62)

รายการ Good Monday ของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร แม้จะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับการเมือง แต่ย่อมส่งผลต่อการเมืองทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะส่งผลดีต่อนักการเมืองและพรรคการเมืองที่มีภาพลักษณ์ใกล้ชิดกับอดีตนายกรัฐมนตรี อย่างกรณีล่าสุดที่พูดในหัวข้อ “รู้ทันเพื่อรับมือกับโลก 2020” ซึ่งเป็นการพูดถึงแนวโน้มที่จะเกิดวิกฤตการเงินโลกขึ้นในปีหน้านั้น ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งหากประชาชนจะมองหานักการเมือง พรรคการเมือง ที่จะฝากผีฝากไข้ให้เข้ามาบริหารบ้านเมืองเพื่อเตรียมรับมือวิกฤตที่จะเกิดขึ้นคงไม่พ้นเต็มใจเทคะแนนให้นักการเมือง พรรคการเมืองเหล่านี้ เพราะแม้กฎหมายจะมีข้อห้ามทำให้ ดร.ทักษิณออกหน้าไม่ได้ แต่ชาวบ้านเชื่อว่าจะเป็นที่ปรึกษา เป็นกูรู หาแนวทางรับมือวิกฤต หรือแม้แต่เมื่อปัญหาเกิดขึ้นแล้วจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้

ในขณะที่พระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยังไม่ถูกประกาศใช้

ในขณะที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นเมื่อไร

ในขณะที่พรรคการเมืองต่างๆกำลังหน้าดำคร่ำเครียดกับการเรียกความสนใจจากประชาชนเพื่อแลกกับคะแนนเสียง

ในขณะที่รัฐบาลทหาร คสช. วางยุทธศาสตร์ชาติให้คนอื่นเดินตาม 20 ปี

พลันก็ทำให้เกิดข้อเปรียบเทียบด้านวิสัยทัศน์ระหว่างนักการเมืองที่กำลังแย่งชิงคะแนนเสียงจากประชาชน ผู้มีอำนาจที่กำลังรับผิดชอบบริหารประเทศอยู่ในปัจจุบัน กับอดีตนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ ดร.ทักษิณ ชินวัตร

อดีตนายกรัฐมนตรีที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนจากประชาชนมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยจัดรายการ Good Monday หัวข้อ “รู้ทันเพื่อรับมือกับโลก 2020” เป็นคลิปเสียงผ่านเว็บไซต์ https://simplecast.com/s/d58cc34c แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับปัญหาทางเศรษฐกิจของโลกที่จะส่งผลกระทบมาถึงประเทศไทย เพื่อเตือนให้หาทางรับมือเพื่อไม่ให้ผลกระทบนั้นรุนแรงเกินไป

ดร.ทักษิณระบุว่า ปี ค.ศ. 2020 หรือในปีหน้าเศรษฐกิจโลกมีภาวะเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤตการเงินขึ้น ซึ่งจะเป็นแรงกระแทกใหม่ต่อเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้รู้สึกเป็นห่วง เพราะเศรษฐกิจไทยยังอ่อนแอ และยังไม่ได้เตรียมการรับมือไว้ ซึ่งคนที่จะได้รับผลกระทบมากคือชนชั้นรากหญ้าและชนชั้นกลางที่จะทำมาหากินลำบากมากขึ้น

อดีตนายกฯเสนอแนวทางรับมือว่า ให้ใช้เทคโนโลยีเพื่อให้เกิดการรวมตัวกันของรายย่อยที่จะทำให้เกิด Sharing Economy หรือเอาสิ่งที่เรามีอยู่มารวมกันเหมือนเป็นบริษัทใหญ่ ต่างคนต่างมีรายได้ แต่ใช้เทคโนโลยีร้อยรวมเข้าหากัน อันนี้จะต้องรีบต้องเกิด ถ้าไม่เกิดก็แข็งแรงสู้เขาไม่ได้

เรื่องที่สองคือ ไทยต้องเร่งพัฒนาคนให้ฉลาดกว่าหุ่นยนต์ที่จะเข้ามามีบทบาทในการทำงานมากขึ้นโดยไม่ต้องไปกลัวว่าจะโดนหุ่นยนต์แย่งงาน เพราะหุ่นยนต์จะมาช่วยทำงานประจำที่ซ้ำซากจำเจ ส่วนคนก็ไปทำงานที่มีความสำคัญกว่า

“ประเทศไทยเราควรจะต้องฝึกคนให้เป็นนายหุ่นยนต์ อย่านั่งรอให้หุ่นยนต์มาไล่เราออกจากงาน”

ประเด็นสุดท้ายที่อดีตนายกฯพูดถึงคือ การออกแบบระบบเศรษฐกิจ ระบบสวัสดิการสังคม ระบบดูแลสุขภาพ เพื่อรองรับผู้สูงอายุที่จะมีมากขึ้น เพราะในอนาคตข้างหน้าคนเราจะอายุยืนมากขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีใหม่ๆมาช่วยรักษาสุขภาพแทนการใช้ยาในปัจจุบัน

สรุปจากสิ่งที่ ดร.ทักษิณพูดคือ มีทั้งปัญหาระยะสั้นอย่างวิกฤตการเงินโลกที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีหน้า ปัญหาระยะกลางที่ต้องพัฒนาคนให้เก่งกว่าหุ่นยนต์ และปัญหาระยะยาวที่ต้องออกแบบระบบเศรษฐกิจ ระบบสวัสดิการสังคม เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ

ถือเป็นการบ้านที่ฝากให้รัฐบาลปัจจุบันและรัฐบาลที่จะมาจากการเลือกตั้งเอาไปคิดนโยบาย เพื่อเตรียมรับมือไม่ให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบมากเกินไป

เป็นวิสัยทัศน์ที่ประชาชนรับรู้และสัมผัสได้ ใครได้อ่านถือว่าโชคดี เพราะช่วยทำให้รู้สถานการณ์ข้างหน้าเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ได้

ส่วนคนที่โชคดีอีกกลุ่มคงหนีไม่พ้นนักการเมือง พรรคการเมือง ที่ประชาชนเชื่อว่ายังมีความสัมพันธ์กับ ดร.ทักษิณ

เมื่ออดีตนายกฯส่งสัญญาณเตือนมาอย่างนี้ หากประชาชนจะมองหานักการเมือง พรรคการเมือง ที่จะฝากผีฝากไข้ให้เข้ามาจัดระบบจัดระเบียบเพื่อเตรียมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยาว ก็คงไม่พ้นเต็มใจเทคะแนนให้นักการเมือง พรรคการเมืองเหล่านี้ เพราะแม้กฎหมายจะมีข้อห้าม ทำให้ ดร.ทักษิณออกหน้าไม่ได้

แต่ชาวบ้านเชื่อว่าจะเป็นที่ปรึกษา เป็นกูรู หาแนวทางรับมือวิกฤต หรือแม้แต่ช่วยแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้


You must be logged in to post a comment Login