วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567

เตรียมสุขภาพเด็กให้แข็งแรงสมวัย เสริมสร้างพัฒนาการและดูแลฟัน

On January 4, 2019

คอลัมน์ : โลกสุขภาพ

ผู้เขียน : นพ.พรเทพ สวนดอก กุมารแพทย์ รพ.กรุงเทพ

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 4-11 มกราคม 2562)

เด็ก…ต้องการการดูแลที่ใกล้ชิด เพื่อความสมบูรณ์พร้อมทั้งร่างกาย อารมณ์ จิตใจ พัฒนาการ และพฤติกรรม ผู้ปกครองและคนใกล้ชิดควรใส่ใจดูแลสุขภาพเด็กตั้งแต่วันนี้ เพื่อเตรียมพร้อมให้เด็กในวันนี้เป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรงขึ้นในอนาคต รวมทั้งเรื่องของสุขภาพฟันเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย โรคฟันผุในเด็กเล็กมักเกิดขึ้นได้ เพราะเด็กกับขนมหวานเป็นสิ่งที่เลี่ยงได้ยาก และโรคฟันผุถือเป็นโรคติดเชื้อที่พบมากในประชากรเด็กไทย

เด็กมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละระยะเป็นลักษณะเฉพาะ พัฒนาการ 4 ด้านของเด็ก ได้แก่ การศึกษาปฐมวัย เป็นการศึกษาเด็กอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปี และเรียนรู้เกี่ยวกับพัฒนาการเด็ก ความต้องการของเด็ก สอนให้เด็กเกิดความคิดสร้างสรรค์  ฝึกพัฒนาการทั้ง 4 ด้านคือ พัฒนาการทางด้านร่างกาย พัฒนาการทางด้านสังคม พัฒนาการทางด้านอารมณ์ และพัฒนาการทางด้านจิตใจ เด็กจะเจริญเติบโตตั้งแต่อยู่ในครรภ์กระทั่งหลังคลอด ร่างกายและสมองจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 0-6 ปีแรกของชีวิต กระบวนการที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคือ การเจริญเติบโต และพัฒนาการหมายถึง กระบวนการเปลี่ยนแปลงด้านวุฒิภาวะ (maturity) ของอวัยวะระบบต่างๆและตัวบุคคล ทำให้เพิ่มความสามารถของบุคคลในการทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำสิ่งที่ยากและซับซ้อนยิ่งขึ้นได้ ตลอดจนการเพิ่มทักษะและความสามารถในการปรับตัวในภาวะใหม่ของบุคคล

พัฒนาการของเด็กแบ่งออกเป็น 4 ด้าน ได้แก่ 1.พัฒนาการด้านร่างกาย บังคับกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น ชอบปีนป่าย เตะบอล สามารถขี่จักรยานสามล้อได้ 2.พัฒนาการด้านสติปัญญา เด็กสามารถใช้สัญลักษณ์แทนวัตถุและสถานที่ได้ มีทักษะการใช้ภาษาอธิบายสิ่งต่างๆได้ สามารถอธิบายประสบการณ์ของตนได้ โดยเด็กในวัยนี้สามารถวาดภาพพจน์ในใจได้ รวมถึงการใช้ความคิดหรือสร้างจินตนาการและการประดิษฐ์ ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของเด็กในวัยนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณครูส่งเสริมให้เด็กใช้การคิดประดิษฐ์ในการเล่าเรื่องหรือการวาดภาพก็จะช่วยพัฒนาการด้านนี้ของเด็กได้มากยิ่งขึ้น 3.พัฒนาการด้านอารมณ์ เด็กในวัยนี้เริ่มมีลักษณะอารมณ์แบบผู้ใหญ่คือ โกรธ อิจฉา กังวล ก้าวร้าว พอใจ เป็นต้น 4.พัฒนาการด้านสังคม เด็กจะสามารถช่วยเหลือตนเองได้ดีขึ้น อาบน้ำ แต่งตัว ใส่รองเท้าเอง บอกเวลาขับถ่าย เข้าห้องน้ำเองและทำความสะอาดหลังขับถ่ายเองได้ ทั้งนี้ เด็กเรียนรู้ที่จะปฏิบัติตัวเพื่อให้สังคมยอมรับ ทำตัวให้เข้ากลุ่มได้

โดยพัฒนาการของเด็กวัย 1-4 ปี ได้แก่ พัฒนาการของเด็กวัย 1 ปี เริ่มพูดเป็นคำที่มีความหมาย เช่น พ่อ แม่ เลียนเสียง ท่าทาง และเสียงพูดได้ พัฒนาการของเด็กวัย 1 ปี 3 เดือน ชี้ส่วนต่างๆของร่างกายตามคำบอก ดื่มน้ำจากถ้วย พัฒนาการของเด็กวัย 1 ปี 6 เดือน เริ่มเดินได้คล่อง รู้จักขอ และทำตามคำสั่งง่ายๆได้ พัฒนาการของเด็กวัย 1 ปี 8 เดือน พูดแสดงความต้องการ พูด 2-3 คำติดต่อกัน เริ่มพูดโต้ตอบ พัฒนาการของเด็กวัย 2 ปี สามารถเรียกชื่อสิ่งต่างๆและคนที่คุ้นเคย ตักอาหารกินเอง พัฒนาการของเด็กวัย 2 ปี 6 เดือน ซักถาม พูดคำคล้องจอง เลียนแบบท่าทาง หัดแปรงฟัน พัฒนาการของเด็กวัย 3 ปี บอกชื่อและเพศตนเองได้ รู้จักให้และรับ รู้จักรอ พัฒนาการของเด็กวัย 4 ปี เริ่มซักถามคำว่า “ทำไม” สามารถล้างหน้า แปรงฟันเองได้ บอกขนาดใหญ่-เล็ก ยาว-สั้น และเล่นรวมกับคนอื่นโดยรอตามลำดับก่อนหลังได้

ทั้งนี้ สิ่งที่ควบคู่ไปพร้อมๆกับพัฒนาการทางด้านร่างกายและจิตใจคือ สุขภาพของเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสุขภาพฟัน ทพญ.ดาราวรรณ หอมรสสุคนธ์ ทันตแพทย์เด็ก โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวเพิ่มเติมว่า หน้าที่ของฟันน้ำนมใช้เพื่อบดเคี้ยวอาหาร ให้ความสวยงาม ความมั่นใจให้กับเด็ก สร้างรอยยิ้มและความประทับใจให้แก่ผู้พบเห็น ช่วยในการออกเสียงที่ไพเราะ และที่สำคัญคือ ช่วยเก็บที่ให้กับฟันแท้ที่จะขึ้นมาในวันข้างหน้า ในช่วงวัยเด็กเล็กที่มีการเจริญเติบโตและพัฒนาการของร่างกาย พร้อมๆกับการเจริญเติบโตของฟันและขากรรไกร ควรมีการกระตุ้นพัฒนาการของลูกน้อยไปด้วยกัน ควรแยกเวลาทานนมและเวลานอนออกจากกัน ซึ่งเด็กมีโอกาสฟันผุมากขึ้นหากปล่อยให้เด็กดูดนมหลับคาอกหรือหลับคาขวด หรือตื่นขึ้นมาดื่มนมในเวลากลางคืน ไม่แนะนำให้ใช้เครื่องดื่มรสหวานใส่ขวดนม หรือใช้นมปรุงแต่งรส น้ำหวาน น้ำผลไม้ เพราะจะทำให้ฟันผุลุกลามอย่างรวดเร็ว

จากการสำรวจสภาวะทันตสุขภาพแห่งชาติในปี พ.ศ. 2560 พบว่ากว่า 50% ของเด็กไทยมีฟันผุก่อนเข้าชั้นอนุบาล ทั้งนี้ โรคฟันผุมีผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของลูกน้อย โดยฟันน้ำนมซี่แรกจะขึ้นเมื่อเด็กอายุราว 6-7 เดือน เด็กแต่ละคนมีฟันซี่แรกเร็วหรือช้าต่างกัน บางคนฟันซี่แรกอาจจะขึ้นตั้งแต่ 3 เดือน หรือบางคนฟันซี่แรกอาจขึ้นหลังจากอายุครบ 1 ขวบปีไปแล้ว แต่ไม่พบบ่อยนัก การขึ้นของฟันน้ำนมมักจะเริ่มจากฟันหน้าล่างแล้วขึ้นไปที่ฟันหน้าบน ทยอยขึ้นจนมีฟันน้ำนมครบ 20 ซี่เมื่ออายุประมาณ 2 ขวบครึ่ง-3 ขวบ ในช่วง 1-4 ปี จึงเป็นช่วงสำคัญในการวางรากฐานสุขภาพช่องปากที่ดีสำหรับลูกน้อย เริ่มต้นการรักษาสุขภาพช่องปากตั้งแต่ฟันซี่แรกขึ้น โดยแนะนำให้มีการทำความสะอาดฟันและช่องปาก ร่วมกับการพบทันตแพทย์สำหรับเด็กตั้งแต่ฟันซี่แรกขึ้น หรือไม่เกิน 6 เดือนหลังฟันซี่แรกขึ้น

โรคฟันผุเป็นโรคติดเชื้อที่พบได้ง่ายที่สุด มักเกิดจากเชื้อโรคกลุ่ม Strep mutans ซึ่งมีการใช้น้ำตาลแล้วผลิตเป็นกรด ทำให้เกิดการสูญเสียแร่ธาตุของโครงสร้างฟัน เชื้อโรคกลุ่มใหญ่นี้พบได้ทั้งในช่องปากตั้งแต่ฟันยังไม่ขึ้น และส่งต่อได้จากแม่ แต่โรคฟันผุก็สามารถป้องกันได้หากผู้ปกครองได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากทันตแพทย์ โดยแนะนำให้พบทันตแพทย์ครั้งแรกเมื่อเด็กมีอายุครบ 1 ขวบ ทันตแพทย์จะทำการประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุของเด็ก พิจารณาการใช้ฟลูออไรด์ที่เหมาะสมในการให้ฟลูออไรด์เสริมตามความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุ ทันตแพทย์จะสอนวิธีทำความสะอาดช่องปากและฟัน เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถฝึกปฏิบัติจริงในเด็ก แนะนำการใช้เลือกใช้แปรงสีฟันและยาสีฟันที่เหมาะสม โดยในเด็กเล็กแนะนำให้ใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในปริมาณน้อยไม่เกินหนึ่งเม็ดข้าวสารแล้วใช้ผ้าสะอาดช่วยเช็ดฟองออก เพื่อป้องกันการกลืนยาสีฟันในเด็ก การรับประทานอาหารระหว่างมื้อไม่ควรเกิน 2 ครั้งต่อวัน หลีกเลี่ยงการให้ขนมกรุบกรอบ ขนมถุง ลูกอม เยลลี่ น้ำหวาน น้ำอัดลม ฝึกรับประทานอาหารให้เป็นเวลา ในช่วงนี้ต้องประเมินว่าเด็กมีนิสัยติดจุกนมปลอม ดูดนิ้ว เม้มหรือกัดริมฝีปาก กัดเล็บหรือไม่ ถ้ามีควรเข้ารับการปรึกษาจากทันตแพทย์เพื่อแนะนำการปรับเปลี่ยนนิสัยดังกล่าว

การตรวจฟันครั้งแรกก็เหมือนกับการพาลูกไปฉีดวัคซีน และดูพัฒนาการการเจริญเติบโตของลูกน้อยกับกุมารแพทย์ โดยทันตแพทย์จะให้คำปรึกษาแนะนำผู้ปกครอง ผู้ดูแลเด็ก ในการดูแลสุขภาพช่องปากเป็นรายบุคคล เพื่อให้ลูกน้อยมีสุขภาพฟันที่แข็งแรง ให้ฟันสวยยิ้มใสตลอดอายุการใช้งานของฟัน


You must be logged in to post a comment Login