วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567

เมื่อกรากาตัวคำรามเตือน

On December 26, 2018

คอลัมน์ สันติธรรม

เมื่อกรากาตัวคำรามเตือน

โดย บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้วันสุข 28 ธันวาคม 2561-4 มกราคม 2562)

โลกที่เราอาศัยอยู่นี้เกิดมาตั้งแต่เมื่อใดและจะถึงกาลอวสานเมื่อใดไม่มีใครรู้ แต่ทุกสิ่งเมื่อมีเกิดก็ย่อมต้องมีดับ เพียงแต่อายุของโลกยาวนานเกินกว่าที่มนุษย์จะเห็นยามอวสานของมัน หากจะเปรียบอายุขัยของมนุษย์ก็ไม่ต่างไปจากแมลงหวี่ที่มีอายุไม่ถึง 2 สัปดาห์ หากมีใครบอกมันว่าอีก 3 เดือน ผืนโลกจะขาวโพลนไปด้วยหิมะมันก็คงไม่เชื่อ เพราะมันไม่เคยเห็นและอายุมันไม่ยืนยาวพอ

เมื่อนบีมุฮัมมัดเริ่มปฏิรูปสังคมมนุษย์ในแผ่นดินอาหรับ ท่านได้บอกผู้คนว่าวันหนึ่งโลกจะถึงกาลอวสาน และมนุษย์ที่ตายไปทุกคนจะถูกทำให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาเพื่อรับการสอบสวนในสิ่งที่ตัวเองได้ทำไว้ขณะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ แต่ผู้คนส่วนใหญ่ปฏิเสธและต่างพากันหัวเราะเยาะท่าน

บางคนถามท่านว่าวันสิ้นโลกจะเกิดขึ้นเมื่อใด ท่านตอบตรงไปตรงมาว่าท่านไม่รู้ ยังดีที่ท่านไม่ถามสวนกลับไปว่าตัวคนถามเองรู้ไหมว่าตัวเองจะตายเมื่อใด แต่ท่านได้เตือนผู้ถามให้เตรียมตัวล่วงหน้าก่อนที่วันนั้นจะมาถึง และหนึ่งในสัญญาณก่อนวันโลกาอวสานก็คือภูเขาไฟระเบิดบ่อยครั้ง

ความไม่เชื่อว่ามนุษย์จะต้องรับผิดชอบหลังความตายนี้เองที่ทำให้มนุษย์ในส่วนต่างๆของโลกใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานไร้ขอบเขตศีลธรรม และทำให้มนุษย์ในหลายเมืองถูกทำลายมาแล้วด้วยอำนาจของพระเจ้าผ่านทางภัยพิบัติต่างๆที่น่าสะพรึงกลัว

krakatua

การระเบิดของภูเขาไฟกรากาตัวในอินโดนีเซียเมื่อวันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม ซึ่งทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิคร่าชีวิตผู้คนไปหลายร้อยศพ เป็นเหตุการณ์ที่มนุษย์น่าจะได้รับบทเรียนเตือนสติถึงเรื่องวันสิ้นโลก

ภูเขาไฟกรากาตัวเคยระเบิดครั้งใหญ่มาแล้วเมื่อ พ.ศ. 2426 การระเบิดครั้งนั้นทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิสูงถึง 30 เมตร ผู้คนบนเกาะต่างๆเสียชีวิตไปถึง 36,000 คนที่นับได้ เสียงระเบิดของมันดังไปไกลหลายร้อยกิโลเมตร แรงสั่นสะเทือนจากการระเบิดสามารถรับรู้ได้ถึงประเทศอังกฤษ ควันขี้เถ้าของภูเขาไฟลอยสูงไปในอากาศนับสิบกิโลเมตร และทำให้ท้องฟ้ามืดมัวเป็นเวลาหลายวัน

ในตอนนั้นไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าภูเขาไฟกรากาตัวจะแผลงฤทธิ์ขนาดนั้น แม้ในปัจจุบันเครื่องมือทางธรณีวิทยาที่ทันสมัยก็ยังไม่สามารถเตือนล่วงหน้าได้ว่าภูเขาไฟจะระเบิดเมื่อใด ต่อเมื่อระเบิดแล้วจึงจะสามารถคาดการณ์ได้ว่าจะมีผลอะไรติดตามมา

ในคัมภีร์กุรอานกล่าวไว้เมื่อประมาณ 1,400 ปีที่แล้วว่า โลกเราใบนี้เดิมทีเป็นกลุ่มหมอกควันและถูกควบแน่นจนกลายเป็นของเหลวที่มีความร้อนนับหลายพันองศา หลังจากนั้นส่วนภายนอกได้ค่อยๆเย็นลงจนกลายเป็นเปลือกโลกหนานับสิบกิโลเมตร แต่ลึกลงไปใต้เปลือกโลกยังมีของเหลวร้อนที่เรียกว่าลาวาเหลืออยู่ให้เราเห็นเมื่อเกิดภูเขาไฟระเบิด

ทุกศาสนามีคำสอนร่วมกันอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือความเชื่อในเรื่องสวรรค์และนรก ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกเตรียมไว้เพื่อเป็นความยุติธรรมสำหรับมนุษย์ สวรรค์มีไว้ตอบแทนความดีสำหรับคนทำดีที่ยังไม่ได้รับการตอบแทนหรือได้รับอย่างไม่เหมาะสม ในทางตรงข้ามนรกมีไว้สำหรับลงโทษอาชญากรที่ยังไม่ถูกลงโทษหรือถูกลงโทษยังไม่สาสมกับความผิด

ความเชื่อในเรื่องการมีอยู่ของสวรรค์เป็นเครื่องมือทางศาสนาที่ส่งเสริมให้คนมุ่งมั่นทำความดีโดยไม่ท้อถอย และความเชื่อในเรื่องการมีอยู่ของนรกเป็นสิ่งที่จะยับยั้งคนไม่ให้ทำความชั่ว ถ้ามนุษย์ไม่มีความเชื่อในเรื่องนี้ แม้จะมีกฎหมายลงโทษมนุษย์นับร้อยฉบับก็ไม่สามารถยับยั้งมนุษย์จากการทำความชั่วช้าเลวทรามได้

มนุษย์อาจจำลองสวรรค์ในรูปของสถานบันเทิงที่มีความสุขต่างๆตามที่คำสอนทางศาสนากล่าวไว้ และขายบริการความสุขให้แก่ผู้ที่อยากสัมผัสบรรยากาศของสวรรค์ขณะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ แต่นรกเป็นสิ่งที่ไม่มีมนุษย์คนใดจำลองขึ้นมาเพื่อขายบริการให้ผู้คนไปสัมผัส เพราะไม่มีใครสนใจ

ด้วยเหตุนี้พระเจ้าจึงแสดงให้มนุษย์เห็นปรากฏการณ์วันสิ้นโลกและขุมนรกด้วยการให้ภูเขาไฟระเบิดส่งเสียงกัมปนาทกึกก้อง แผ่นดินสั่นสะเทือน และมีหินร้อนหลอมละลายไหลออกมาจากปล่องภูเขาไฟ เพื่อที่ว่ามนุษย์ที่มีสติจะได้รับบทเรียน


You must be logged in to post a comment Login