วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567

หลายคนผัวเมีย

On December 14, 2018

คอลัมน์ : ร้ายสาระ

ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 14-21 ธันวาคม 2561)

ความไม่ซื่อสัตย์ของหนุ่มไฮโซทำให้ชีวิตของภรรยาวัยละอ่อนต้องสับสนวุ่นวาย แม้เธอจะถูกจัดการให้แต่งงานกับชายคนใหม่ แต่เขาก็ไม่ใช่หนุ่มโสด ขณะที่ภรรยาใหม่ของสามีตัวดีก็ไม่ใช่สาวโสด ชีวิตหลายครอบครัวสับสนวุ่นวายสลับคู่กันมั่วไป

ปี 1850 ขณะที่จอห์น แบลร์ วิลส์ แพทย์หนุ่มวัย 19 ปี โดยสารรถประจำทางสาธารณะในกรุงลอนดอน สายตาเขาถูกตรึงอยู่กับใบหน้าของสาวน้อยคนหนึ่งจนหักห้ามใจไม่ไหว จอห์นสะกดรอยตามเธอไปจนถึงบ้าน เอ่ยปากสู่ขอกับแม่ของเธอโดยทันที

จอห์นมั่นใจว่าจะได้สาวน้อยมาครอบครอง เพราะเขามีอาชีพการงานมั่นคงและมาจากตระกูลสูงศักดิ์ พ่อของเขาเป็นนักบวช ส่วนแม่เป็นเจ้าแม่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตัวเขาอาศัยอยู่กับพ่อแม่พี่น้องในย่านเขตแคลบแฮม

แคทเธอริน ซาร่าห์ แมกซ์เวล หรือชื่อเล่นที่เพื่อนๆเรียกสั้นๆว่า “เคท” อึ้งกับความกล้าหาญของหนุ่มน้อยที่เข้ามาสู่ขอลูกสาวทั้งๆที่เพิ่งพบหน้ากันเพียงครั้งเดียว แมรี่ แอน แมกซ์เวล เป็นลูกสาวคนโต มีน้องชาย 2 คนคือ วิลเลี่ยมและชาร์ล

สามีของเคทเป็นชาวไร่ เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน ทิ้งให้เธอดูแลลูกๆ 3 คนตามลำพัง เคททำงานเป็นแม่บ้านให้กับครอบครัวผู้มีอันจะกิน แม้ว่าจอห์นจะมาจากตระกูลที่ร่ำรวย สามารถดูแลแมรี่ แอน ให้มีความสุขได้ แต่เคทปฏิเสธไปอย่างสุภาพด้วยเหตุผลว่าลูกสาวเธอเพิ่งจะอายุแค่ 12 ปีเท่านั้น

คู่แล้วไม่แคล้วกัน

จอห์นกลับบ้านด้วยความผิดหวัง เวลาผ่านไปหลายปี จอห์นเปลี่ยนอาชีพจากหมอไปเป็นสถาปนิก ซึ่งเป็นอาชีพเดียวกันกับที่เจมส์ พี่ชายของเขาทำมาหาเลี้ยงชีพ ต่อมาในปี 1855 ขณะที่จอห์นพักผ่อนอยู่ในสวนสาธารณะเซอร์เรย์ เขาก็บังเอิญพบกับสาวน้อย แมรี่ แอน อีกครั้ง

แมรี่ แอน ไม่เพียงแค่สวยยิ่งกว่าเดิม แต่คราวนี้เธออายุมากพอจะเข้าพิธีวิวาห์ จอห์นไม่รอช้าเสนอตัวขอปกป้องดูแลไปตลอดชีวิต คราวนี้เคทเต็มใจประเคนลูกสาวคนเดียวให้กับจอห์น ในที่สุดทั้งคู่ก็ทำพิธีวิวาห์ที่โบสถ์เซนต์มาร์กในเขตเคนนิงตันเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 1855

ปีถัดมาแมรี่ แอน ให้กำเนิดลูกสาว แต่โชคร้ายที่เธอป่วยเป็นไข้น้ำนม ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน ตามปรกติจะมีอาการคัดตึงเต้านม มีไข้หนาวสั่น ปวดช่องคลอด ปวดเต้านม ปวดกระเพาะปัสสาวะ หากมีการระบายน้ำนมด้วยดีอาการเหล่านี้ก็มักจะหายไปเอง

แต่กรณีของแมรี่ แอน ดูเหมือนจะไม่ใช่ไข้น้ำนมปรกติ เธอมีอาการทรุดหนักจนถึงกับต้องส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลเบธเลเฮม ขณะที่แพทย์รู้สึกแปลกใจที่จอห์นนำภรรยามาฝากไว้ที่โรงพยาบาล เพราะไข้น้ำนมไม่ใช่โรคร้ายแรง ตามปรกติแล้วแพทย์จะไปรักษาคนป่วยที่บ้านด้วยการให้ยาระบาย ยาสกัดจากฝิ่น และให้คนป่วยอาบน้ำอุ่น

สมรสซ้อน

นายแพทย์อเล็กซานเดอร์ มอริสัน เตือนว่าการแยกผู้ป่วยจากบ้านหลังคลอดใหม่ๆเขาไม่ทำกัน โดยเฉพาะเป็นแค่ไข้น้ำนม ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตจนถึงกับต้องเอาตัวผู้ป่วยมานอนโรงพยาบาล แต่จอห์นยืนยันให้โรงพยาบาลรับตัวภรรยาเอาไว้

แมรี่ แอน ไม่ได้นอนโรงพยาบาลแค่ 1-2 วัน แต่นอนอยู่เป็นปี เพราะจอห์นอ้างว่าภรรยาเขาป่วยทางจิต จนกระทั่งวันที่ 3 สิงหาคม 1857 เจมส์พี่ชายของจอห์นก็มารับตัวเธอกลับ เมื่อถึงบ้านเธอไม่พบทั้งจอห์นและลูกสาว ถามใครก็ไม่ได้คำตอบ พยายามคาดคั้นอยู่หลายวัน ในที่สุดแมรี่ แอน ก็ได้ที่อยู่ใหม่ของสามี

แมรี่ แอน ตามไปจนพบสามี แต่จอห์นกลับบอกเธอด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่าจริงๆแล้วเขามีภรรยามาก่อนชื่อ แอน กู๊ด แต่งงานกันตั้งแต่ปี 1851 ในยุคสมัยนั้นการมีลูกกับชายที่แต่งงานแล้วเป็นเรื่องน่าอับอาย ถูกสังคมประณามจนแทบไม่มีที่จะยืน ซ้ำร้ายกว่านั้นลูกนอกสมรสจะไม่ได้รับสิทธิใดๆทั้งสิ้น

จอห์นแนะนำให้แมรี่ แอน แต่งงานกับเจมส์เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องน่าละอายนี้ เพราะดูเหมือนเจมส์จะพึงพอใจในตัวแมรี่ แอน อยู่ไม่น้อย แต่เจมส์เหมือนเป็นคนแปลกหน้าสำหรับแมรี่ แอน เพราะเห็นกันเพียงไม่กี่ครั้งก่อนที่เขาจะเดินทางไปออสเตรเลีย

เจมส์แต่งงานกับแคโรไลน์ กรินเยอร์ ในปี 1856 ก่อนที่จะหย่าร้างกันในปีถัดมาและเจมส์เดินทางกลับอังกฤษ แมรี่ แอน ไม่มีทางเลือก เธอจดทะเบียนสมรสกับเจมส์ในวันที่ 21 สิงหาคม 1857 ไม่ถึง 3 สัปดาห์หลังจากออกจากโรงพยาบาล

ซับซ้อนกว่าที่คิด

เคทคัดค้านการแต่งงานใหม่ เธอบอกให้จอห์นนำหลักฐานมาพิสูจน์ว่าแต่งงานกับแอนก่อนหน้าจะแต่งกับแมรี่ แอน และถึงแม้เขาจะพิสูจน์ได้ แต่การให้ลูกสาวเธอแต่งงานใหม่กับพี่ชายตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องถูกต้อง โดยเฉพาะกฎหมายในสมัยนั้นห้ามการแต่งงานใหม่กับพี่น้องของอดีตคู่สมรส

เรื่องวุ่นวายนี้ทำให้แมรี่ แอน ล้มป่วย เธอถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลแลมเบธ เจมส์ปฏิเสธที่จะจ่ายเงินค่ารักษาโดยอ้างว่าเขาไม่ใช่สามีของแมรี่ แอน ขณะที่เคทพยายามเรียกร้องความยุติธรรมให้กับลูกสาวโดยนำเรื่องไปฟ้องศาล

ความจริงปรากฏว่าจอห์นเพิ่งแต่งงานกับแอนเมื่อเดือนเมษายน 1857 นั่นหมายความว่าแอนเป็นคนจดทะเบียนสมรสซ้อน ส่วนแมรี่ แอน เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เท่านั้นยังไม่พอ ปรากฏอีกว่าแอนมีสามีอยู่แล้วเป็นตำรวจชื่อเอ็ดการ์

เพื่อให้เรื่องราววุ่นวายยิ่งไปอีก เอ็ดการ์ไปแต่งงานใหม่กับสาวคนหนึ่งในปี 1858 โดยที่ยังไม่ได้หย่าร้างกับแอน ศาลออกหมายเรียกตัวจอห์นและเจมส์ แต่จอห์นไม่ไปตามคำสั่งศาล ส่วนเจมส์ได้รับการประกันตัวด้วยวงเงิน 160 ปอนด์

หนีสุดขอบฟ้า

จอห์นพ่อตัวดีคนก่อเรื่องทั้งหมดหลบหนีไปเมืองฟิลาเดลเฟีย ประเทศอเมริกา ก่อนจะเดินทางต่อไปที่นิวยอร์ก เปลี่ยนนามสกุลเป็นก็อดดาร์ด กลับมายึดอาชีพแพทย์รักษาโรค มีคนพบเห็นเขาอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นแอนกับเด็กหญิงวัย 3 ขวบ

เจมส์หนีกลับไปออสเตรเลียและแต่งงานอีกครั้งกับมาเรียในปี 1862 ส่วนเจเน็ท แม่ของจอห์นและเจมส์ ทนอับอายขายหน้าไม่ไหว พาลูกสาวที่เหลือหนีไปกบดานที่เขตอัพเปอร์โฮโลเวย์ก่อนจะสิ้นลมในปี 1875 เหลือเงินติดตัวไม่ถึง 450 ปอนด์

ลอร์ดเรนแฮมได้ยินเรื่องน่าเศร้าของแมรี่ แอน จึงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ให้เงินใช้สัปดาห์ละ 10 ชิลลิง ตลอดระยะเวลาที่รักษาตัวในโรงพยาบาล จนกระทั่งจิตใจของเธอเข้ารูปเข้ารอย กลับมาอยู่กับเคทผู้เป็นแม่ในปี 1861

ปี 1865 แมรี่ แอน พบรักกับโทมัส ฮิล พ่อม่ายลูกติด 5 คน ทั้งคู่แต่งงานกันโดยที่แมรี่ แอน ยังไม่ได้หย่าร้างอย่างเป็นทางการกับจอห์น เพราะเขาหนีไปอเมริกาเสียก่อน 3 ปีต่อมาเธอให้กำเนิดบุตรชายชื่อเฮอร์เบิร์ต กลับมามีชีวิตเป็นปรกติเหมือนคนอื่น แต่ก็มีความสุขอยู่ได้เพียงไม่นาน เธอเสียชีวิตในปี 1881 ขณะที่เฮอร์เบิร์ตมีอายุเพียงแค่ 12 ปี

Omnibus Life in London 1859 by William Maw Egley 1826-1916

1.รถโดยสารสาธารณะในกรุงลอนดอน ปี 1824

2

2.สวนสาธารณะเซอร์เรย์ ปี 1850

3

3.โบสถ์เซนต์มาร์ก ปี 1824

4

4.โรงพยาบาลเบธเลเฮม ปี 1860

5

5.ผู้ป่วยโรคไข้น้ำนม ปี 1838

6

6.นายแพทย์อเล็กซานเดอร์ มอริสัน

7

7.คู่รักในกรุงลอนดอน ปี 1864

8

8.โรงพยาบาลแลมเบธ ปี 1874

 


You must be logged in to post a comment Login