วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567

เบื้องหลังภาพที่ถูกบิดเบือน

On November 28, 2018

 

คอลัมน์ สันติธรรม

เบื้องหลังภาพที่ถูกบิดเบือน

โดย บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้วันสุข วันที่ 30 พฤศจิกายน- 7 ธันวาคม 2561)

ก่อนที่อิสลามจะถูกสื่อตะวันตกวาดภาพให้ชาวโลกเข้าใจว่าเป็นลัทธิก่อการร้าย คนทั่วไปมักเข้าใจอย่างผิวเผินว่าเป็นศาสนาที่อนุญาตให้ผู้ชายมีเมียได้ 4 คน

พอได้ยินเรื่องนี้หลายคนดีใจอยากเป็นมุสลิม แต่บางคนบอก 4 คนน้อยไป ไม่เพียงเท่านั้นยังบอกว่าศาสนาตัวเองไม่จำกัดการมีเมียเสียด้วย

ไม่ว่าจะพูดจริงหรือพูดเล่น คำพูดเป็นสิ่งที่บอกถึงความไม่เข้าใจในศาสนาของเพื่อน

ความจริงแล้วก่อนหน้าอิสลาม บางลัทธิมีความเชื่อถือว่าการมีเมียเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดกิเลส จึงดำรงตนเป็นโสดและถือสันโดษตลอดชีวิต ในขณะที่บางสังคมหรือบางวัฒนธรรมผู้ชายสามารถมีเมียได้โดยไม่จำกัดจำนวน

majid nabawi

อิสลามต่างหากที่จำกัดการมีภรรยาไว้ไม่เกิน 4 คน โดยมีเงื่อนไขว่าสามีต้องให้ความเป็นธรรมแก่ภรรยาทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ถ้าคิด… แค่คิดนะครับว่าไม่สามารถทำได้ ก็ให้มีเพียงหนึ่งเท่านั้น

แม้มีคำสั่งห้ามมีภรรยาเกินกว่า 4 คนในคัมภีร์กุรอาน แต่หลายคนศึกษาประวัตินบีมุฮัมมัดแล้วมีคำถามว่าทำไมนบีมุฮัมมัดจึงมีภรรยาเกินกว่า 4 คน

ผมขอทำความเข้าใจและตอบคำถามผู้สงสัยดังนี้ครับว่า กรณีของนบีมุฮัมมัดเป็นกรณีที่พระเจ้าอนุมัติให้เป็นการเฉพาะ เพื่อให้นบีมุฮัมมัดปฏิบัติภารกิจที่พระองค์มอบให้บรรลุความสำเร็จในระยะเวลาอันสั้น นั่นคือการนำพระบัญชาของพระเจ้ามาสถาปนาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตสำหรับมนุษยชาติให้เสร็จภายในเวลา 23 ปี และต้องให้ศาสนาของพระองค์อยู่ต่อไปอย่างยาวนาน

นบีมุฮัมมัดแต่งงานครั้งแรกเมื่ออายุ 25 ปี ในฐานะคนธรรมดาที่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสนทูตของพระเจ้า ภรรยาของท่านเป็นแม่ม่ายชื่อเคาะดีญะฮฺ อายุ 40 ปี หลังแต่งงานทั้งสองมีลูกด้วยกัน 6 คน เป็นชาย 2 หญิง 4 แต่ลูกชายของท่านเสียชีวิตตั้งแต่ยังเป็นทารก

ในขณะเป็นหนุ่มท่านอาจจะแต่งงานกับผู้หญิงอื่นที่สาวกว่า สวยกว่าภรรยาของท่านอีกกี่คนก็ได้ เพราะสังคมอาหรับถือเป็นเรื่องปรกติ แต่ท่านยังคงมีภรรยาคนเดียว จนกระทั่งภรรยาของท่านจากไปเมื่ออายุ 65 ปี ในขณะที่ท่านต้องแบกภาระการเผยแผ่อิสลาม ความจำเป็นที่จะต้องมีคนมาช่วยเลี้ยงดูลูกสาวจึงเกิดขึ้น ท่านจึงแต่งงานกับแม่ม่ายอีกคนหนึ่งที่มีอายุมากกว่าท่านเพื่อคอยดูแลลูกสาว 4 คน

ขณะที่อยู่ในมักก๊ะฮฺ เพื่อนสนิทของท่านได้นำลูกสาวอายุราว 10 ขวบชื่ออาอิชะฮฺมาเสนอให้แต่งงานกับท่าน เพื่อเป็นการผูกความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น การแต่งงานเกิดขึ้นในสภาพสังคมที่ผู้คนกำลังต่อต้านท่าน

อาอิชะฮฺเป็นหญิงแรกรุ่นคนเดียวที่ท่านแต่งงานด้วย ถึงแม้จะแต่งงานกันแล้ว แต่ทั้งสองยังไม่ได้อยู่ด้วยกัน จนกระทั่งนบีมุฮัมมัดอพยพไปยังมะดีนะฮฺได้สักพัก นบีมุฮัมมัดจึงส่งคนมารับเธอไปอยู่ด้วย ในตอนนั้นท่านนบีมุฮัมมัดอายุประมาณ 55 ปีแล้ว

หลังจากนั้นมีสถานการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นที่ทำให้ท่านต้องแต่งงานกับผู้หญิงอีกหลายคนด้วยเหตุผลบางประการ เช่น ท่านแต่งงานกับลูกสาวของหัวหน้าเผ่าที่พ่ายแพ้ท่านในการรบ การแต่งงานครั้งนี้ทำให้ลูกสาวของหัวหน้าเผ่าเปลี่ยนสถานะจากเชลยมาเป็นภรรยาของผู้นำมุสลิม ทำให้นักรบมุสลิมที่ได้เชลยเป็นส่วนแบ่งในการทำสงครามปล่อยพ่อแม่ ญาติพี่น้อง และคนในเผ่าของเธอให้เป็นอิสระ เพราะถือว่าเชลยเหล่านั้นเป็นญาติของนบีแล้ว ผลที่ตามมาก็คือ เชลยเหล่านั้นได้หันมารับนับถืออิสลาม

ผู้หญิงบางคนเป็นแม่ม่ายขาดผู้อุปการะดูแล เพราะสามีของนางพลีชีพในสนามรบ ท่านจึงขอแต่งงานด้วยเพื่ออุปการะดูแลและให้ความคุ้มครอง ผู้หญิงบางคนท่านแต่งงานด้วยเพื่อยกเลิกประเพณีโบราณของชาวอาหรับที่ถือว่าภรรยาของลูกบุญธรรมเป็นเหมือนลูกแท้ๆที่พ่อบุญธรรมไม่สามารถแต่งงานได้

สำหรับอาอิชะฮฺ ด้วยความเป็นหญิงสาวเธอจดจำสิ่งที่นบีมุฮัมมัดสั่งสอนและปฏิบัติกับเธอในชีวิตครอบครัวไว้มากมาย ดังนั้น หลังจากนบีมุฮัมมัดจากโลกนี้ไปแล้ว อาอิชะฮฺยังมีชีวิตยืนยาวอีกหลายสิบปี ซึ่งทำให้เธอได้กลายเป็นแหล่งข้อมูลความรู้เกี่ยวกับอิสลามสำหรับมุสลิมอีกยาวนาน   


You must be logged in to post a comment Login