วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567

ประเทศกูมี!!??

On October 30, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

เพลงแร็พ “ประเทศกูมี” ส่งผลทางการเมืองมากกว่าการโต้แย้งผ่านโลกโซเชียล แม้แต่ โฆษกกลุ่มสามมิตรที่ยืนข้างเดียวกับฝ่ายคุมอำนาจในปัจจุบันยังมองเห็นว่าไม่ควรรีบงับเหยื่อให้เสียเครดิต อยากให้ใช้การเจรจาก่อนใช้อำนาจเข้าจัดการ ถึงจะพูดในทำนองว่าใกล้เลือกตั้งแล้วไม่อยากให้บรรยากาศความขัดแย้งในบ้านเมืองปะทุขึ้นมาอีก แต่ก็พออ่านได้ว่าในมุมการเมืองถือว่าเพลี่ยงพล้ำให้ฝ่ายตรงข้ามแล้ว เมื่อรู้ว่าพลาดควรผ่อนคันเร่ง ไม่ใช่ยังฝืนใช้แต่อำนาจต่อไป เพราะแม้จะมีคนส่งเสียงเชียร์ให้ใช้อำนาจ แม้จะมีคนสะใจกับการใช้อำนาจ แต่ใช้อำนาจแล้วจะได้อะไร เพราะคนที่เชียร์ก็ยังเป็นกลุ่มเดิม ขนาดจำนวนเท่าเดิม ตรงกันข้ามจะเพิ่มปริมาณคนไม่ชอบให้ขยายวงมากขึ้น

ศิลปิน Rap Against Dictatorship ก่อนหน้านี้เป็นใครมาจากไหนไม่รู้ แต่ดังเป็นพลุแตกแค่ชั่วข้ามคืนหลังปล่อยเพลงแร็พ “ประเทศกูมี” ลงยูทูบ สถิติการเข้าไปดูล่าสุดทะลุ 15 ล้านครั้งเข้าไปแล้ว

สาเหตุที่ทำให้เพลงนี้มีคนสนใจมากเพราะถูกหยิบมาเป็นประเด็นทางการเมือง โดยมีการแบ่งข้างพูดถึงเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจน

ข้างหนึ่งเห็นว่ามีเนื้อหาทำร้ายประเทศ ให้ร้ายประเทศ และเข้าข่ายผิดกฎหมายเอาความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์

อีกข้างหนึ่งเห็นว่ามีเนื้อหาสะท้อนความเป็นจริงในบ้านเมือง การนำเสนอความจริงจึงไม่ใช่การทำร้าย ให้ร้ายบ้านเมืองอย่างที่อีกฝ่ายพูด พวกที่เห็นว่าเพลงแร็พที่มีความยาว 5.12 นาทีทำร้ายประเทศเพราะยอมรับความจริงไม่ได้

ปรากฏการณ์เพลงแร็พ “ประเทศกูมี” จึงเป็นอีกครั้งที่ช่วยตอกย้ำว่าสังคมไทยเต็มไปด้วยความแตกแยกเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ หากดูตามเนื้อเพลง “ประเทศกูมี” ส่วนมากเป็นการพูดถึงเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสังคมไทยตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา

แต่ที่กลายเป็นประเด็นร้อนเพราะถูกมองในมุมการเมืองว่าเป็นการแต่งขึ้นเพื่อโจมตีฝ่ายที่กำลังมีอำนาจอยู่ในปัจจุบัน และมองไปไกลกว่านั้นว่ามีคนบงการให้กลุ่มศิลปิน Rap Against Dictatorship แต่งเพลงนี้ขึ้นมาเพื่อโจมตีฝ่ายหนึ่ง และเรียกคะแนนนิยมให้อีกฝ่ายหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ากลุ่มศิลปิน Rap Against Dictatorship จะทำเพลงนี้ขึ้นมาเองหรือมีใบสั่งอย่างที่อีกฝ่ายเชื่อ แต่หากมองในมุมการเมืองถือว่าเป็นการขุดบ่อล่อปลาที่ได้ผลเกินคาด

ยิ่งฝ่ายที่ครองอำนาจในปัจจุบันเต้นกับเรื่องนี้มากเท่าไร ยิ่งแสดงความโกรธมากเท่าไร ยิ่งมีการเคลื่อนไหวใช้อำนาจในมือเข้าจัดการมากเท่าไร ยิ่งติดลบ

ในทางตรงกันข้าม หากไม่เต้น ไม่โกรธ ไม่แสดงถึงการข่มขู่ว่าจะใช้อำนาจเข้าจัดการ “ประเทศกูมี” จะไม่ได้รับความสนใจมากขนาดนี้ จะไม่มีคนเข้าไปดูคลิปมากขนาดนี้ แม้จะมีคนพูดถึงเพื่อโปรโมทอยู่บ้าง แต่ก็จะมาเร็วไปเร็วเหมือนเพลงทั่วไป

แม้แต่นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตรที่ยืนข้างเดียวกับฝ่ายคุมอำนาจในปัจจุบัน ยังมองเห็นว่าไม่ควรรีบงับเหยื่อให้เสียเครดิต อยากให้ใช้การเจรจาก่อนใช้อำนาจเข้าจัดการ

ถึงจะพูดในทำนองว่าใกล้เลือกตั้งแล้ว ไม่อยากให้บรรยากาศความขัดแย้งในบ้านเมืองปะทุขึ้นมาอีก แต่ก็พออ่านได้ว่านายธนกรมองในมุมการเมืองว่าเพลี่ยงพล้ำให้ฝ่ายตรงข้ามแล้ว

เมื่อรู้ว่าพลาดก็ควรผ่อนคันเร่ง ไม่ใช่ยังฝืนใช้แต่อำนาจต่อไป ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดผลดี เพราะแม้จะมีคนส่งเสียงเชียร์ให้ใช้อำนาจ แม้จะมีคนสะใจกับการใช้อำนาจ

แต่ใช้อำนาจแล้วจะได้อะไร เพราะคนที่เชียร์ก็ยังเป็นกลุ่มเดิม ขนาดและจำนวนเท่าเดิม

ตรงกันข้ามจะเพิ่มปริมาณคนไม่ชอบให้ขยายวงมากขึ้น และแทนที่จะเป็นแค่ปรากฏการณ์ไฟไหม้ฟาง สว่างวูบแล้วดับไป แต่การใช้อำนาจอาจผลักดันให้มีประเทศกูมีภาค 2 ภาค 3 ตามออกมาอีก

“ได้” กับ “เสีย” อะไรมากกว่าน่าจะมองออก


You must be logged in to post a comment Login