วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567

เรื่องร้ายกลายเป็นดีมีถมไป

On June 19, 2018

คอลัมน์ สันติธรรม “เรื่องร้ายกลายเป็นดีมีถมไป”

โดย บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้วันสุข วันที่22-29 มิถุนายน 2561)

โลกนี้มีเรื่องดีและเรื่องร้ายสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเกิดขึ้นตลอดเวลา บ่อยครั้งที่เรื่องร้ายๆในตอนต้นกลับกลายเป็นผลดีในที่สุด

เมื่อนบีมุฮัมมัดเริ่มเผยแผ่อิสลามโดยการเรียกร้องเชิญชวนให้ชาวมักก๊ะฮฺเลิกเคารพกราบไหว้รูปปั้นเจว็ดมากมายที่เรียงรายอยู่รอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺและหันมาเคารพสักการะพระเจ้าองค์เดียว ท่านต้องถูกหัวหน้าชาวเมืองมักก๊ะฮฺและกลุ่มคนที่หากินกับเจว็ดต่อต้านด้วยวิธีการสารพัด

Makkah-1887

เริ่มต้นด้วยการหัวเราะเยาะ ดูหมิ่นถากถาง และหาว่าท่านเสียสติ แต่ไม่มีใครกล้ากล่าวหาว่าท่านโกหก เพราะชาวมักก๊ะฮฺรู้ว่าท่านไม่เคยโกหก และเป็นผู้ซื่อสัตย์ไว้วางใจได้ จนถึงกับตั้งฉายาให้ท่านเองว่า “อัลอะมีน”

เมื่อเห็นว่านบีมุฮัมมัดไม่ท้อถอยต่อคำดูหมิ่นถากถาง หัวหน้าชาวเมืองมักก๊ะฮฺได้หันมาใช้วิธีการ “พบกันครึ่งทาง” โดยส่งคนมาเจรจากับนบีมุฮัมมัดให้มาเคารพกราบไหว้เจว็ดที่พวกเขาเคารพกราบไหว้ และพวกเขาจะเคารพกราบไหว้พระเจ้าของนบีมุฮัมมัดสลับกันไปเป็นเวลาเท่าๆกัน แต่นบีมุฮัมมัดได้รับคำบัญชาจากพระเจ้าว่าเรื่องนี้ไม่มีการประนีประนอม แต่ละคนนับถือศาสนาใดก็ปฏิบัติศาสนาของตนไป

ในช่วงเวลานี้เองชาวมักก๊ะฮฺหลายคนที่หันมาเป็นสาวกของนบีมุฮัมมัดถูกกดขี่ข่มเหงอย่างหนัก แต่ไม่มีใครกล้าทำร้ายนบีมุฮัมมัด เพราะท่านได้รับการคุ้มครองจากลุงของท่านซึ่งเป็นหัวหน้าเผ่าใหญ่

เมื่อนบีมุฮัมมัดไม่ยอมรับการประนีประนอม หัวหน้าชาวมักก๊ะฮฺจึงส่งคนมาเจรจาติดสินบน โดยเสนอว่าถ้านบีมุฮัมมัดต้องการตำแหน่งผู้นำหรือผู้หญิงสาวสวยหรือทรัพย์สินมากมายพวกเขาจะหามาให้ แต่นบีมุฮัมมัดปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมด

แม้หัวหน้าชาวเมืองมักก๊ะฮฺมาขอร้องลุงของท่านซึ่งเป็นผู้ที่นบีมุฮัมมัดรักเหมือนพ่อให้ช่วยเตือนหลานของตัวเอง แต่คำตอบที่ได้จากนบีมุฮัมมัดก็คือ “แม้จะเอาดวงอาทิตย์มาวางไว้ในมือขวา เอาดวงจันทร์มาวางไว้ในมือซ้าย หลานก็จะไม่ล้มเลิกการปฏิบัติภารกิจที่พระเจ้ามอบหมายมา”

ดังนั้น การต่อต้านจึงเริ่มรุนแรงขึ้นด้วยการที่สมาชิกเผ่าของนบีมุฮัมมัดถูกชาวมักก๊ะฮฺทั้งเมืองคว่ำบาตรจนได้รับความลำบากแร้นแค้นเป็นเวลานาน

ไม่เพียงเท่านั้นในช่วงเทศกาลทำพิธีฮัจญ์ซึ่งมีชาวอาหรับจำนวนมากจากทุกสารทิศเดินทางมาทำพิธีทางศาสนาที่มักก๊ะฮฺ หัวหน้าชาวเมืองมักก๊ะฮฺได้ส่งคนกระจายกันไปตามกระโจมที่พักของผู้มาทำพิธีฮัจญ์เพื่อแพร่ข่าวสารโจมตีนบีมุฮัมมัดและศาสนาที่ท่านนำมาสอนทุกวัน ภยาคติเช่นนี้เองที่ทำให้คนอยากรู้อยากเห็นและอยากฟังของจริง จึงมีหลายคนแอบมาพบกับนบีมุฮัมมัดและฟังสิ่งที่ท่านสอน

เมื่อคนเหล่านี้กลับไปยังกระโจมที่พักของตนหรือเดินทางกลับไปภูมิลำเนา คนเหล่านี้ได้บอกเล่าให้ญาติพี่น้องและผองเพื่อนของตนฟังว่ามุฮัมมัดมิได้เป็นอย่างที่ชาวมักก๊ะฮฺพูด ด้วยสาเหตุนี้เองที่ทำให้คำสอนของอิสลามแพร่กระจายออกไปทั่วคาบสมุทรหลังจากเสร็จสิ้นพิธีฮัจญ์ทุกปี

สาเหตุสำคัญที่ทำให้อิสลามเริ่มหยั่งรากลึกในคาบสมุทรอาหรับก็คือ ชาวเมืองยัษริบจาก 2 เผ่าใหญ่ที่ขัดแย้งกันมาเป็นเวลานานได้มาพบนบีมุฮัมมัดและเกิดความประทับใจในบุคลิกภาพและคำสอนของท่าน จึงรับนับถืออิสลามและตกลงกันว่าจะให้ท่านไปเป็นผู้นำของพวกตนในเมืองยัษริบ แต่ท่านยังไม่ตอบตกลงทันทีเพื่อดูว่าคนจาก 2 เผ่านี้จะจริงใจและจริงจังกับท่านมากน้อยเพียงใด

ในปีต่อมาปรากฏว่าชาวยัษริบกลุ่มที่มาพบท่านในปีก่อนได้นำชาวเมืองยัษริบที่เข้ารับอิสลามอีกหลายคนมาพบท่านนบีมุฮัมมัดในช่วงเทศกาลฮัจญ์ ท่านจึงเห็นว่าเมล็ดพันธุ์แห่งอิสลามสามารถเติบโตได้ในแผ่นดินยัษริบ ประกอบกับในเวลานั้นท่านได้รับเบาะแสว่าชาวมักก๊ะฮฺกำลังวางแผนลอบสังหารท่าน ดังนั้น ท่านจึงตัดสินใจอพยพออกจากมักก๊ะฮฺไปยังเมืองยัษริบ

การอพยพครั้งนั้นเองที่เป็นจุดเปลี่ยนสถานการณ์อันเลวร้ายของอิสลามให้กลับกลายเป็นดี


You must be logged in to post a comment Login