วันพฤหัสที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567

จีน-สัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่

On June 5, 2018

คอลัมน โลกอสังหาฯ “จีน-สัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่”

โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย

(โลกวันนี้วันสุข วันที่ 8-15 มิถุนายน 2561)
คำว่า “สัตว์เศรษฐกิจ” ในสมัยก่อน ญี่ปุ่นนับได้ว่าเป็น “สัตว์เศรษฐกิจ” ตัวสำคัญของโลก เพราะ (มีการกล่าวหาถึง) การเอาเปรียบคู่ค้า เช่น ประเทศไทยและประเทศอื่นๆมีการประท้วงสินค้าญี่ปุ่นกันอย่างออกหน้าออกตา เช่น ที่ห้างไดมารู ราชดำริ มีกลุ่มนิสิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำโดย นายจารย์ธีรยุทธ บุญมี ในสมัยปี 2515 ยืนและนั่งประท้วงอยู่หน้าห้างสรรพสินค้าดังกล่าว (https://bit.ly/2FRVkoZ) ซึ่งเป็นห้างแห่งแรกที่มีบันไดเลื่อนในประเทศไทย (https://goo.gl/vtU1q5)

ch1

ขณะนั้นจีนแผ่นดินใหญ่ยังกำลังกระเสือกกระสนกับการแก้ไขปัญหาภายในประเทศ แถมยังถูก “ทอดทิ้ง” โดยสหภาพโซเวียต จนกระทั่งต้องออกนโยบายระหว่างประเทศใหม่ด้วยการผูกสัมพันธ์กับตะวันตกด้วยการอาศัย “การทูตปิงปอง” (https://goo.gl/Y5G6Zx) หรือ Ping-pong diplomacy คือการแข่งขันเทเบิลเทนนิสหรือปิงปองระหว่างสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐประชาชนจีนในช่วงต้นปี พ.ศ. 2513 เพื่อปูทางไปสู่การเยือนประเทศจีนของนิกสัน

ในปัจจุบันจีนกลายเป็นประเทศมหาอำนาจใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก โดยจีนมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าญี่ปุ่นถึงราว 4 เท่าแล้ว อิทธิพลของจีน สินค้าของจีนก็กระจายไปทั่วโลก จีนไปลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะกรณีโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ทางรถไฟ (ความเร็วสูง) จีนบุกเบิกไปทำทั่วโลก และเป้าหมายสำคัญอันหนึ่งของจีนก็คือการเข้ามาพัฒนาทางรถไฟจากยูนนานเชื่อมต่อไปยังสิงคโปร์ ผ่านประเทศไทย

ในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ปรากฏว่าจีนไม่ได้มาเพียงลงทุน แต่มาตั้งบริษัทนายหน้ากันมากมายอีกด้วย “จากการตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนบริษัทนิติบุคคลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา (พฤศจิกายน 2560-เมษายน 2561) พบว่าในพื้นที่ จ.ชลบุรี มีผู้ประกอบการจดทะเบียนบริษัทโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นนายหน้าตัวแทนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ (68102) กว่า 500 บริษัท หรือเฉลี่ยต่อเดือนมากกว่า 80 บริษัท นักธุรกิจชาวจีนและญี่ปุ่นที่จดทะเบียนตั้งบริษัทเพื่อทำธุรกิจเป็นนายหน้าซื้อขายอสังหาฯเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันบริษัทของคนจีนนั้นคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 80-100 บริษัท” (https://bit.ly/2I47VHi)

“พ.ร.บ.ขายชาติ” หรือ “พระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก” (https://bit.ly/2L0WRN2) จะทำให้ไทยถูกจีนครอบงำเป็นเสมือน “มณฑล” หนึ่ง และ EEC จะเป็นเสมือน “จังหวัด” หนึ่งของจีนอย่างไร

1.มาทำลายธุรกิจคนไทย มาตรา 39 อุตสาหกรรมบริการ ท่องเที่ยว จัดประชุม ฯลฯ ที่คนไทยก็ทำได้ด้วยดีอยู่แล้ว จะถูกต่างชาติมา “ฆ่า” คนไทยโดยเฉพาะใช่หรือไม่ นี่แสดงว่ารัฐจะกำหนดอุตสาหกรรมอื่นๆได้อีก พวกต่างชาติจะพาเหรดกันมายึดประเทศไทยแล้ว

2.มาซื้อห้องชุดได้ 100% มาตรา 49 ตอนแรกอาจดูดีที่เราจะได้มีธุรกิจขายบ้านกันมากขึ้น แต่นี่เพื่อประโยชน์ของนายทุนล้วนๆ การให้ต่างชาติมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ มาเลเซียกำหนดให้ซื้อตั้งแต่ราคา 17 ล้านบาทขึ้นไปเท่านั้น ที่ออสเตรเลียกำหนดให้ซื้อได้เฉพาะบ้านและห้องชุดมือ 1 บ้านมือสองห้ามขาย จะได้ไม่กระทบประชาชน

3.ต่างชาติเช่าที่ได้ 99 ปี มาตรา 52 มิให้นําความในมาตรา 540 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2542 มาใช้บังคับ เพราะกฎหมายเดิมระบุชัดว่าจะต่อสัญญาได้อีกก็ต่อเมื่อหมดสัญญาเดิมที่จดทะเบียนไว้แล้วเท่านั้น นี่เท่ากับจะทำให้การ “งุบงิบ” ทำสัญญาซ้อนเป็นการถูกกฎหมายใช่หรือไม่

4.มาเช่าช่วงหากินได้อีก ที่ประเทศต่างๆที่ให้ต่างชาติไปลงทุน ถ้าไม่ทำต่อก็ต้องคืนหลวง แต่ที่ไทยตามกฎหมายใหม่นี้เขาปล่อยเช่าช่วงได้ อาจมีต่างชาติมาจับจองที่ดิน แล้วค่อยปล่อยเช่าช่วงให้พวกเดียวกัน

5.ต่างชาติไม่ต้องเสียภาษี คนไทยเสีย? มาตรา 35 ให้สํานักงานและผู้ซึ่งทําธุรกรรมกับสํานักงานในกิจการเกี่ยวกับที่ดินและอสังหาริมทรัพย์บรรดาที่กฎหมายกําหนดให้ต้องมีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายนั้น

6.ถือครองอสังหาริมทรัพย์ได้สบายๆ มาตรา 48 (1) สิทธิในการถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อื่นของคนต่างด้าว นี่เท่ากับเป็นเขตเช่าของคนต่างชาติไปแล้วหรือไม่ ต่างชาติมาลงทุนพัฒนาประเทศไทย แต่ยังมีการครอบครองประเทศไทยเบ็ดเสร็จใช่ไหม ภาษีก็ไม่ต้องเสีย

7.ยกพวกมาคุมประเทศไทยเลย มาตรา 51 บุคคลดังกล่าวรวมทั้งคู่สมรส บุพการี และบุตร อาจได้รับการลดหย่อนภาษี สิทธิเกี่ยวกับการเข้าเมืองและการขออนุญาตทํางาน และสิทธิอื่นเพิ่มเติม นี่ให้ต่างชาติขนคนเข้ามาโดยไม่เสียอะไรเลย มาตั้งอาณานิคม? แต่คนไทยแท้ๆต้องเสียภาษี

8.ใช้เงินหยวน เงินดอลลาร์ได้เลย มาตรา 58 (2) สามารถใช้เงินตราต่างประเทศเพื่อชําระค่าสินค้าหรือบริการระหว่างผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ต่อไปคงเอาไปซื้อก๋วยเตี๋ยวได้ ไทยคงเหมือนกัมพูชาที่เดี๋ยวนี้ใช้แต่เงินดอลลาร์ กลายเป็นประเทศราชทางการเงินของมหาอำนาจ

9.นักวิชาชีพไทยจะตายหมด มาตรา 59 (1) ผู้ประกอบวิชาชีพหรือผู้ขออนุญาต (ไม่) ต้องมีสัญชาติไทย หรือต้องได้รับใบอนุญาต จดทะเบียน หรือรับรองก่อนการประกอบวิชาชีพตามกฎหมายแล้ว

10.ที่ ส.ป.ก. ก็ยกให้ต่างชาติได้!?! มาตรา 36 มีอํานาจให้สํานักงานเข้าใช้ประโยชน์ที่ดินที่สํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมได้ ให้อํานาจของคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเป็นอํานาจของคณะกรรมการนโยบาย

11.ลามได้อีกรวม 7-8 จังหวัด มาตรา 6 ให้พื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง และพื้นที่อื่นใดที่อยู่ในภาคตะวันออก ที่กำหนดเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาเป็นเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก

12.นอกเขตเศรษฐกิจพิเศษก็เสร็จต่างชาติ มาตรา 33 เท่ากับคณะกรรมการนโยบายอยู่เหนือหน่วยราชการอื่นใดในประเทศไทย เรียกได้ว่า “เป็นพ่อทุกสถาบัน” แบบคำคมของนักเรียนช่างกลไปเลย

นี่ใช่การขายชาติให้จีนและมหาอำนาจอื่นหรือเปล่า ชาติอื่นๆ เช่นสิงคโปร์ แค่ต่างชาติมาซื้อห้องชุดยังต้องเสียภาษีซื้อ 15% ฮ่องกง 30% แต่ไทยเราจะไม่เก็บค่าธรรมเนียม แถมภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ร่างกันอยู่ก็ต่ำจนแทบไม่ต้องเสีย อย่างนี้เราเสีย “สิทธิสภาพนอกอาณาเขต” ไหม นอกจากเรายกแผ่นดินให้ต่างชาติแล้ว ยังไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมโอนที่แม้แต่คนไทยก็ต้องเสีย

ผู้นำจีนคงลืมอุดมการณ์สังคมนิยมที่มุ่งสร้างความเท่าเทียมในหมู่ชน แต่กลับพาจีนให้กลายเป็น “สัตว์เศรษฐกิจ” ตัวใหม่แบบ “ด้านได้อายอด” ไปแล้วหรือไม่ ถ้าจีนต้องการอยู่รอดในสังคมโลกจริงๆโดยไม่ถูกสาปแช่งไปทั่วสารทิศ จีนต้องสร้างนโยบายแบบ Win Win ต่อทุกฝ่าย เติบโตไปด้วยกัน ไม่ใช่ไปครอบงำชาติอื่นแบบอภิมหาอำนาจอื่นๆที่เคยมีบทเรียนมาแล้ว

นี่แหละจีนจะกลายเป็น “สัตว์เศรษฐกิจ” เป็นอภิมหาอำนาจจอมอันธพาลโลกแทนอเมริกาไหม


You must be logged in to post a comment Login