วันพฤหัสที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2567

โรคน้ำคั่งในโพรงสมองในผู้สูงอายุ / โดย รศ.นพ.ประจักษ์ ศรีรพีพัฒน์

On May 18, 2018

คอลัมน์ : พบหมอศิริราช

ผู้เขียน : รศ.นพ.ประจักษ์ ศรีรพีพัฒน์

(โลกวันนี้วันสุข วันที่ 18-25 พฤษภาคม 2561)

หากพบผู้สูงอายุมีอาการเดินผิดปรกติ ลักษณะเดินช้าๆ ซอยเท้าถี่ๆ ดูงุ่มง่าม และหกล้มบ่อย อย่าเข้าใจผิดคิดว่าเป็นโรคในผู้สูงอายุที่รักษาไม่หาย ความจริงแล้วอาจเกิดจากน้ำคั่งในโพรงสมองที่มีทางรักษาให้กลับมาเดินเป็นปรกติได้

โรคน้ำคั่งในโพรงสมองในผู้สูงอายุ เป็นภาวะความผิดปรกติทางสมองที่เกิดจากโพรงน้ำในสมองมีขนาดใหญ่ขึ้น การขยายตัวของโพรงน้ำไปกดเบียดเนื้อสมองทำให้สมองทำงานผิดปรกติ มักเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เป็นโรคที่มีอุบัติการณ์สูงมากถึงระดับที่น่าจะมีผู้ป่วยโรคนี้หลายแสนคนในประเทศไทย จึงควรรู้จักและทำความเข้าใจในการสังเกตผู้สูงอายุในบ้านเพื่อจะได้ทำการรักษาได้ทันท่วงที

โดยทั่วไปผู้ที่เป็นโรคนี้จะเดินผิดปรกติ เดินช้า ก้าวขาไม่ออก ยกขาไม่พ้นจากพื้น เดินซอยเท้า ทรงตัวไม่ดี ล้มบ่อย และมีผู้ป่วยบางรายมาหาหมอด้วยเรื่องล้ม โดยไม่คิดว่าโรคนี้แอบแฝงอยู่ ผู้ป่วยมักจะยืนโน้มตัวไปข้างหน้า ก้มหน้าตัวงอเอียง ปัสสาวะบ่อย บางครั้งเล็ด เข้าห้องน้ำไม่ทัน พูดน้อย เสียงเบาแหบ สำลักน้ำและอาหารบ่อย นั่งไหนหลับนั่น ความจำเสื่อมลง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ลักษณะดำเนินของโรคจะค่อยๆเป็นค่อยๆไป มีผู้ป่วยบางรายที่มีผลการตรวจเอกซเรย์ที่ผิดปรกติและเข้าได้กับภาวะนี้ จำนวนมากจะมีอาการภายใน 4-5 ปี ให้คอยสังเกตและระวัง หากรู้เร็วรักษาเร็วสามารถรักษาให้หายได้เป็นปรกติ

ในการวินิจฉัย แพทย์จะทำการซักประวัติ ดูอาการผิดปรกติต่างๆที่เกิดขึ้น การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมองหรือ CT Scan หรือการตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสมองหรือ MRI จะพบโพรงน้ำในสมองมีขนาดใหญ่ และพบร่องผิวสมองบริเวณส่วนบนของศีรษะ บริเวณแนวกลางสมองมีลักษณะแคบและแน่น ร่วมกับมีความผิดปรกติของการเดิน ในผู้ป่วยบางรายเราจะใช้การเจาะระบายน้ำจากโพรงสันหลังและผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น ก็เป็นข้อบ่งชี้ว่าเป็นโรคนี้

สำหรับการรักษา แพทย์จะทำการผ่าตัดใส่อุปกรณ์ระบายน้ำเลี้ยงสมอง-ไขสันหลังเข้าสู่ช่องท้อง ซึ่งเป็นการผ่าตัดที่ใช้ระยะเวลาสั้น มีผลแทรกซ้อนไม่มาก ผลการรักษาได้ผลดี เทคนิคที่ใช้มี 2 วิธีคือ 1.ใส่อุปกรณ์ระบายน้ำจากโพรงสมองเข้าสู่ช่องท้อง 2.ใส่อุปกรณ์ระบายน้ำจากโพรงสันหลังระดับเอวเข้าสู่ช่องท้อง

โดยอาการต่างๆผู้ป่วยจะดีขึ้นจนถึงหายเป็นปรกติ รวมทั้งสามารถป้องกันหรือหยุดการดำเนินของโรคที่อาจนำมาซึ่งทุพพลภาพในอนาคตจากการหกล้ม การสำลักอาหารหรือน้ำ ตลอดจนแผลกดทับตามร่างกาย ซึ่งมีผู้ป่วยจำนวนมากไม่ได้รับการวินิจฉัยในระยะแรก ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากเสียโอกาสในการป้องกันหรือรักษาโรคดังกล่าว โรคนี้ไม่เพียงส่งผลต่อสุขภาพผู้ป่วยยังมีผลกระทบต่อครอบครัว ต่อสังคม ล่าสุดโรงพยาบาลศิริราชมีการค้นพบองค์ความรู้ใหม่เกี่ยวกับอาการที่พบบ่อยมาก และได้รับการตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการระดับนานาชาติเป็นครั้งแรกของโลก ได้แก่ เสียงแหบ กลืนสำลัก ซึ่งความเข้าใจอาการเหล่านี้จะช่วยในการวินิจฉัยผู้ป่วยได้มากขึ้นด้วย

สำหรับผู้ป่วยที่เดินไม่ได้มาเป็นเวลานานจะมีกล้ามเนื้อขาลีบและอ่อนกำลัง หลังผ่าตัดแล้วแม้สมองจะสามารถสั่งการมาที่ขาให้เดินแล้วก็ตาม แต่หากกล้ามเนื้ออ่อนกำลัง ไม่สามารถเดินได้ทันที ต้องทำกายภาพบำบัดเพื่อฝึกยืน ฝึกเดิน พยายามและอดทนทำอย่างต่อเนื่องหลายเดือนจึงจะเริ่มเห็นผล ที่สำคัญคือพบแพทย์เพื่อติดตามอาการตามนัดทุกครั้ง


You must be logged in to post a comment Login