วันพฤหัสที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

พรแสวงจะไม่มีวันแพ้พรสวรรค์

On April 26, 2018

คอลัมน์โดนไปบ้นไป “พรแสวงจะไม่มีวันแพ้พรสวรรค์”

โดย อนุดิษฐ์ นาครทรรพ

(โลกวันนี้วันสุข วันที่ 27 เมษายน-4 พฤษภาคม 2561)

ผมถูกฝึกให้เล่นกอล์ฟครั้งแรกตอนเรียนอยู่ปี 5 ที่โรงเรียนนายเรืออากาศสมัยนั้น “กอล์ฟ” ถือเป็นวิชาเลือกสำหรับนักเรียนนายเรืออากาศผู้สนใจสามารถเลือกฝึกหัดได้ โดยทางโรงเรียนจะให้โปรกอล์ฟของกองทัพอากาศหรือสโมสรทหารอากาศมาเป็นผู้ฝึกสอน ดังนั้นพวกเราส่วนใหญ่จึงมีพื้นฐานของกีฬาชนิดนี้อยู่บ้างไม่มากก็น้อย

กีฬากอล์ฟเมื่อปี พ.ศ.2529 ยังไม่เป็นกีฬายอดนิยมเหมือนสมัยนี้ สนามกอล์ฟในกรุงเทพมหานครและชานเมืองในห้วงเวลานั้น  ยังถือว่ามีจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับปัจจุบัน  ส่วนใหญ่เป็นสนามกอล์ฟของหน่วยงานราชการและเหล่าทัพต่างๆ ส่วนสนามของเอกชนยังมีน้อยมาก

ผมในฐานะบุคลากรของกองทัพอากาศถือว่าโชคดี เพราะบริเวณกองบัญชาการกองทัพอากาศ ดอนเมืองของเรา มีสนามกอล์ฟขนาดมาตรฐาน 18 หลุมถึง 2 สนามด้วยกัน นั่นก็คือสนามกอล์ฟ “กานตรัตน์” ที่มีนิคเนมว่า “สนามงู” และสนามกอล์ฟ “ธูปะเตมีย์” ที่มีนิคเนมว่า สนามลาดเป็ด”

โดยเฉพาะ “สนามงู” นั้น  ถือเป็นสนามเก่าแก่มากสนามหนึ่งในประเทศไทย และตำแหน่งที่ตั้งของสนามก็ถือว่ามี “เอกลักษณ์” พิเศษสุดๆสนามหนึ่งในโลกก็ว่าได้

ถ้าท่านผู้อ่านเดินทางด้วยเครื่องบินที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง ทุกท่านจะเห็นสนามกอล์ฟ 18 หลุม ทอดตัวยาวอยู่ระหว่างทางวิ่งทั้ง 2 ข้าง ซึ่งสนามนี้แหละครับที่มีชื่อฉายาว่า “สนามงู”

“สนามงู” เปรียบเสมือน “สนามครู” ของนักกอล์ฟจำนวนมาก ไม่ใช่ทางสนามจะบริการเฉพาะข้าราชการของกองทัพอากาศเท่านั้น แต่บุคคลทั่วไปและนักกอล์ฟเยาวชนจำนวนมากก็มีโอกาสได้ฝึกซ้อมฝีมือกอล์ฟกันที่นี่

สำหรับราคาค่าบริการก็ต้องถือว่า “ย่อมเยา” กว่าสนามทั่วๆไป ซึ่งผมเชื่อว่าอยู่ในมาตรฐานที่ผู้ปกครองที่พอมีกำลัง สามารถสนับสนุนลูกหลานได้ไม่ยาก

อย่างไรก็ดี เนื่องจากที่ตั้งของสนามกอล์ฟอยู่ในพื้นที่การดูแลของทั้งกองทัพอากาศที่เป็นหน่วยงานทางความมั่นคงและ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ต้องให้ความสำคัญในเรื่องการรักษาความปลอดภัย

ดังนั้น การเข้าไปใช้บริการ “สนามงู” จึงต้องผ่านระบบการตรวจสอบด้านความปลอดภัยที่เป็นมาตรฐาน   ซึ่งทางสนามต้องดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบสากลตามที่ “องค์การการบินระหว่างประเทศ” เป็นผู้กำหนด

หากท่านใดมีความประสงค์จะไปใช้บริการของสนาม อย่าลืมนำ “บัตรประจำตัวประชาชน” ไปด้วย   เพราะต้องใช้ในการยืนยันตัวตน และก่อนที่ท่านจะเดินออกจากคลับเฮ้าส์ไปที่ทีออฟหลุม 1 ทั้งตัวท่านและอุปกรณ์ทั้งหมดที่ติดตัวท่าน รวมไปถึงถุงกอล์ฟจะต้องผ่านเครื่อง X-RAY เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของสนามบินด้วย

จุฑานุกาล

ครอบครัว “จุฑานุกาล”

เกริ่นมายาวพอสมควร แถมยังโฆษณาสนามกอล์ฟให้กับกองทัพอากาศสักหน่อย เพราะสัปดาห์นี้อยากเขียนเรื่อง “กอล์ฟ” เพื่อแสดงความยินดีและความชื่นชมด้วยความจริงใจกับครอบครัว “จุฑานุกาล” ที่โปรกอล์ฟสาวไทย 2 พี่น้องได้กลายเป็นโปรคู่ที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของโลกที่สามารถคว้าแชมป์ในระดับ LPGA มาครองได้สำเร็จทั้งสองคน

ก่อนหน้านี้ ชาวไทยอาจจะคุ้นเคยกับโปรกอล์ฟที่เป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง  เพราะโปรชายชาวไทยก็ไปคว้าแชมป์ในระดับทัวร์นาเมนท์มาแล้วหลายต่อหลายคน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีและเป็นความภาคภูมิใจของชาวไทยเช่นกัน

แต่ในช่วงหลังมานี้ประเทศไทยเริ่มมีโปรผู้หญิงหลายคนที่ได้รับการคัดเลือกเข้าแข่งขันในทัวร์นาเมนท์ระดับโลก จึงทำให้ชาวไทยจากเดิมที่ไม่ค่อยจะคุ้นเคยในการเชียร์ “ผู้หญิงกับกีฬากอล์ฟ” เปลี่ยนมาเป็น “แฟนกอล์ฟ” กันมากขึ้นอย่างน่าประทับใจ

โมๅ

ย่างไรก็ดี เบื้องหลังความสำเร็จของน้อง “โม” และ “เมย์” ที่เกิดขึ้นได้ในวันนี้ ล้วนเกิดจากการสนับสนุนของ “ผู้ปกครอง” นั่นก็คือคุณพ่อคุณแม่ของน้องทั้งสองที่ได้อุทิศหยาดเหงื่อแรงกายแรงใจทุ่มเททุกกำลังความสามารถรวมไปถึงทรัพย์สินเงินทอง เพื่อสร้างลูกทั้งสองจนกลายมาเป็น “โปรกอล์ฟระดับโลก” ในวันนี้

ในฐานะคุณพ่อลูก 6 ที่กำลังอยู่ในวัยเรียนทั้งหมด ผมคงขออนุญาตได้ใช้แนวทางและประสบการณ์ที่ “ทรหดอดทน” และเต็มเปี่ยมไปด้วยความ “เสียสละ” ของคุณพ่อคุณแม่น้องทั้งสองมาประยุกต์ใช้กับการดูแลเจ้าตัวเล็กๆของผมบ้าง

ผมเชื่อว่าคงมีไม่มากที่ “พ่อแม่” จะมี “ศรัทธา” และ “ความเชื่อ” ในตัวลูก และเลือกที่จะให้ “ลูกเป็น” อย่างที่ “ลูกอยากเป็น” มากกว่าเลือกที่จะให้ “ลูกเป็น” ในสิ่งที่ “เราอยากให้เป็น”

เพราะมีพ่อแม่จำนวนไม่น้อยที่มีความฝัน “ของตัวเอง” และอยากให้ลูกเติมเต็มความฝันนั้น แต่ลืมนึกไปว่าลูกๆของเราก็มี “ความฝัน” ของตัวเองด้วยเช่นกัน

มาถึงตรงนี้คงไม่ใช่เรื่องที่ว่าใครคิดผิดหรือคิดถูก แต่น่าจะขึ้นอยู่กับการสร้างความรักความเข้าใจในครอบครัว และเลือกในสิ่งที่ทั้ง 2 ฝ่ายเห็น “ตรงกัน” ได้มากที่สุด ซึ่งถ้าทั้ง 2 ฝ่ายสามารถทำร่วมกันได้ ผมเชื่อว่าจะให้ความสำเร็จและผลลัพธ์ที่ดีกับครอบครัวนั้นๆอย่างแน่นอน

ผมอ่านบทสัมภาษณ์ของครอบครัว “จุฑานุกาล” แล้ว ต้องยอมรับว่าความสำเร็จในวันนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ได้มาด้วยความ “ไม่ยอมแพ้” ของทุกๆคนในครอบครัว

โปรเม – เอรียา จุฑานุกาล” อดีตนักกอล์ฟมือ 1 ของโลก เริ่มต้นชีวิตนักกอล์ฟด้วยการพบกับความพ่ายแพ้มาโดยตลอด หากสิ่งนั้นกลายเป็น “แรงผลัก” ให้ฮึดสู้ ตั้งใจซ้อมและพัฒนาทักษะการเล่นอย่างหนัก  โดยมีโค้ชคนแรกคือ คุณพ่อสมบูรณ์ จุฑานุกาล” แต่เมื่อต้องฝึกปรือฝีมืออย่างจริงจัง คุณพ่อจึงตัดสินใจเสาะหาโค้ชมือดีให้บุตรสาวและออกไปตะลุย แข่งรายการต่างๆนับไม่ถ้วน

โปรโม – โมรียา จุฑานุกาล” เริ่มเล่นทัวร์นาเมนท์อาชีพตั้งแต่ปี พ.ศ.2555 เธอเกือบจะได้แชมป์ในรายการต่างๆหลายครั้ง  แต่ก็ยังไม่สำเร็จ จนกระทั่งการแข่งขันรายการล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วคือ Hugel-JTBC LA Open ที่ “น้องโม” สามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก หลังจากรอคอยมานานถึง 6 ปี

กว่าจะมาถึงวันนี้ ครอบครัว “จุฑานุกาล” เคยต้องขายบ้าน ขายรถ รวมทั้งทุ่มค่าใช้จ่ายในการฝึกซ้อมไปไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท เพื่อให้บุตรสาว 2 คนได้เดินบนเส้นทางกอล์ฟตามที่ฝัน

“โปรเม” เคยเล่าว่า “คุณพ่อพูดเสมอว่า ทุกอย่างเป็นสมบัติของครอบครัวและเสี่ยงแล้วที่จะให้ลูกทั้ง 2 คน ถ้าไม่ประสบความสำเร็จทุกอย่างก็จบ  เรียกได้ว่า “หลังชนฝา” ช่วงที่แข่ง Amateur(สมัครเล่น) ก็รับสปอนเซอร์ไม่ได้ เพราะมีข้อห้าม เครียดและกดดันว่าครอบครัวไม่มีทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ได้แต่คิดว่าต้องพัฒนาฝีมือให้เก่งและเชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปได้”

คุณพ่อสมบูรณ์เล่าว่า “ครอบครัวเราประหยัดมากถึงขั้นไม่กินข้าวที่คลับเฮาส์ ไปกินโรงอาหารแคดดี้ 30 บาทก็อิ่มเหมือนกัน ถามว่าอายไหม ความจนไม่ใช่ความอาย ไม่เคยคิดว่ารวยอย่างเดียวทำให้ประสบความสำเร็จ แต่เชื่อว่าความมุ่งมั่นและความตั้งใจมากกว่าที่ทำให้เราไปถึงเป้าหมาย”

Moriya Jutanugarn, Ariya Jutanugarn

ผมนั่งดูการแข่งขันวันที่ “น้องโม” ได้แชมป์ และ “น้องเม” ร้องไห้โฮ วิ่งไปกอดพี่สาวด้วยความดีใจหลังจบการแข่งขัน การแสดงออกถึงความรักความผูกพันและยินดีต่อความสำเร็จของกันและกันเป็นภาพที่ “ประทับใจ” และ “ซาบซึ้ง” จริงๆ

ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ผมเองก็พลอยดีใจไปกับความสำเร็จของครอบครัว “จุฑานุกาล” ด้วย  และผมเชื่อว่าความสำเร็จอีกมากมายยังรอน้องทั้งสองและครอบครัวอยู่ในอนาคต

และสิ่งที่ผมจะเล่าให้ลูกๆฟังได้อย่างมั่นใจต่อจากนี้ไปก็คือ “พรแสวงจะไม่มีวันแพ้พรสวรรค์” อย่างแน่นอนถ้าเรา “ไม่ยอมแพ้”

 


You must be logged in to post a comment Login