วันพฤหัสที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

ชาติสุดท้าย? / โดย พระพยอม กัลยาโณ

On April 25, 2018

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

อาตมาเกิดมาจนอายุ 60 ปีก็ไม่เคยจัดงานวันเกิด มีโยมปรารภว่าอยากจะจัดให้สักที เพิ่งจัดเป็นปีที่ 4 ก็ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุการณ์ประหลาดอะไร อย่างมีพระฉวยโอกาสมาในงานวันเกิดแจกเครื่องรางของขวัญแล้วเรี่ยไรญาติโยมคนละพันสองพัน

พอดีวันเกิดปีนี้เมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมามีคนมามากกว่าปีแรกๆประมาณสิบเท่า เพราะอะไร เราคงไม่อวดความดี ความวิเศษ แต่บังเอิญมีคนมาพูดให้ฟัง 2 ราย คือรู้จากปฏิทินที่ได้รับแจกจากทางวัดไป ซึ่งนำวันเกิดของอาตมาลงไปด้วย  จึงมีคนมากันท่วมท้นล้นเหลืออย่างที่ไม่เคยคิด มาเป็นเจ้าภาพเลี้ยง เอาขนมนมเนย น้ำผลไม้สตอร์เบอรี่มาแจกหลายร้อยขวด กล้วยแขก กระเพาะปลา อีกทั้งผลไม้ที่ปลูกไว้ก็ออกผลมากมาย ไม่รู้ว่าเป็นปาฏิหาริย์หรือเปล่า มะม่วงงาช้างแดง มะม่วงเขียวสามรส มะม่วงหลายสายพันธุ์มากมายก่ายกอง รวมถึงทุเรียนก็เริ่มออก เลยได้แจกญาติโยมที่มาทำบุญพันสองพัน แจกเป็นกระเช้าผลไม้ แจกทุเรียนกันสนุกสนานไปเลย

ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าชีวิตเราเกิดมาเป็นลูกชาวไร่ชาวสวน การศึกษาก็จบแค่ป.4 ไม่เคยคิดจะจัดงานวันเกิด แต่ทนญาติโยมรบเร้าไม่ไหวก็จัดเป็นการภายใน ตีห้าก็มาฟังเทศน์ฟังธรรมเรื่องวันเกิดล้ออายุ ปีก่อนคนมา 50-100 คนเท่านั้น แต่ปีนี้มากันเป็นพัน อาตมาเทศน์เรื่องการเกิดว่า คนที่เกิดร่วมยุคร่วมสมัยกับเรา ถ้าเกิดวันเดียวกัน เดือนเดียวกัน ปีเดียวกัน เขาเรียกเป็นสหชาติ คนเราเมื่อเกิดร่วมยุคร่วมสมัยกันก็ขอให้มีความสุข อยู่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ อย่าคิดทำลายล้างกัน รักเคารพ นับถือบูชา มีเมตตา อย่างนี้การเกิดก็จะเป็นสวรรค์ได้

ถ้าเกิดมาแล้วรบราฆ่าฟันกัน เบียดเบียนล้างผลาญกัน แฟนกันแท้ๆยังซัดหน้าตาบวม อย่างพระพุทธเจ้ากับเทวทัตเกิดร่วมยุคสมัยเดียวกัน เทวทัตพยายามเล่นงานแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ขนาดจะกลิ้งหินทับพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้าก็มีเมตตา ไม่ห้ำหั่นใช้ความรุนแรงกับเทศทัต เทวทัตก็ตกนรก ส่วนพระพุทธเจ้าก็เข้าสู่พระนิพพาน หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง

วันเกิดมื้อเพลก็ไม่ได้ฉัน แค่ฉันอะไรรองท้องเพื่อฉันยากันกระเพาะหน่อย  ความจริงอดทั้งวันก็อดได้ ไม่ได้หิวอะไร เพราะอิ่มปิติที่มีคนมาให้กำลังใจให้พรมากมาย ขอให้อายุมั่นขวัญยืน อยู่กับพวกเราไปนานๆ ช่วยเผยแผ่ศาสนา ช่วยสั่งสอนประชาชน สังคมจะได้ดีงาม  เราก็ทำมานานแล้ว  แม้อายุจะเลย 60 ถ้าเป็นข้าราชการก็ถือว่าเกษียณแล้ว หมดความหมาย  แต่พระยิ่งอายุเลย 60  ถ้าไม่ทำอะไรชั่วร้ายเสียหาย ผู้คนก็จะให้ความนับถือ เคารพบูชา อาตมาคิดว่าถ้าอยู่ถึง 80 แล้วจัดงานวันเกิดอายุ 80  คนน่าจะมาแน่นวัด นี่อายุ 69 ใกล้จะ 70 ยังมากันขนาดนี้ ถ้า 80 จะมากันขนาดไหน

เรื่องอายุมันเป็นธรรมชาติ ถ้าพระแก่ไม่มีมลทินก็จะเป็นที่รักที่เคารพของญาติโยม แต่ถ้ามีเรื่องเงินทอน เรื่องสีกา ความศรัทธาก็จะถูกรอนไป อาตมาก็ระมัดระวังตัวเรื่องพวกนี้ จึงทำให้ชาวบ้านยังเลื่อมใสศรัทธา ทำให้วันเกิดได้เทศน์ ได้ล้ออายุ ก็บอกญาติโยมไปว่า อย่าให้พรวันเกิดพระว่า ขอให้ได้เกิดร่วมภพร่วมชาติกันอีก อย่างนี้ไม่ดี  เพราะพระพุทธเจ้าก็บอกขอให้ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย พรที่ดีที่สุดคือขอให้พระพยอมเกิดเป็นชาติสุดท้าย อย่างนี้วิเศษสมกับเป็นชาวพุทธแท้ๆ

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login