วันพฤหัสที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

ตั้งใจหรือไร้ฝีมือ?

On April 24, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

กรณี สนช. ล้มกระบวนการสรรหากรรมการ กสทช. และคลิปฉาวที่อ้างเป็นความต้องการของท่านผู้นำ ไม่ว่าผลสอบคลิปฉาวจะออกมาอย่างไร งานนี้กระทบทั้ง สนช. และท่านผู้นำทั้งทางตรงและทางอ้อม ยิ่งเมื่อมีข้อมูลว่าก่อนหน้านี้ท่านผู้นำใช้อำนาจ ม.44 ล้มกระดานเลือกกรรมการ กสทช. มาแล้วถึง 2 ครั้ง ยิ่งทำให้ต่อจิ๊กซอว์เห็นภาพที่แท้จริงได้ว่าความล้มเหลวในการสรรหาทั้ง กกต. และ กสทช. เกิดจากความไม่มีประสิทธิภาพในการทำหน้าที่ของ สนช. หรือเกิดจากยังไม่เป็นไปตามความต้องการของใครกันแน่

กรณีคลิปหลุดอ้างใบสั่ง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่ชอบรายชื่อผู้ผ่านการสรรหาให้เป็นคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แม้ไม่ค่อยมีคนให้ความสนใจเท่าไร แต่ก็ถือว่ามีความสำคัญ

ขณะนี้นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยให้เวลาทำงาน 30 วัน

หน้าที่ของคณะกรรมการชุดนี้ระบุไว้ว่า ให้หาข้อเท็จจริงว่าคลิปดังกล่าวเป็นของจริงหรือตัดต่อมาจากที่ประชุมใด ถ้าได้ความว่าเป็นเสียงของใครยิ่งดี เพื่อนำไปสู่การพิจารณาว่ามีความผิดจริงหรือไม่ และถ้าเป็นของจริงใครเป็นผู้ดักฟัง

เมื่อพิจารณารวมกับความเห็นของนายสมชาย แสวงการ เลขานุการวิป สนช. ที่พูดไว้ก่อนหน้านี้ทำนองว่าคลิปดังกล่าวเป็นการตัดต่อ ทำให้เห็นภาพชัดเจนประการหนึ่งว่าขณะนี้ “บิ๊กตู่” ได้ถูกกันออกไปจากปัญหาคลิปฉาวนี้เรียบร้อยแล้ว

ไม่ว่าผลการสอบของคณะกรรมการจะสรุปออกมาเหมือนกับที่นายสมชายพูดว่าเป็นการตัดต่อหรือเป็นคลิปจริง ความผิดที่เกิดขึ้นก็ไม่สาวไปถึง “บิ๊กตู่”

หากเป็นคลิปตัดต่อคนที่ตัดต่อจะมีความผิด แต่หากพบว่าเป็นคลิปจริงก็ต้องสาวต่อไปว่ามีเสียงใครบ้างที่พูดโดยอ้างความไม่พอใจของ “บิ๊กตู่” จนนำไปสู่กระบวนการล้มการสรรหา กสทช. คนที่พูดก็จะโดนข้อหาแอบอ้าง

ไม่ว่าผลสอบจะออกมาแบบไหนย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของ สนช. และกระทบทางอ้อมไปถึง “บิ๊กตู่” แม้จะถูกกันออกจากเรื่องนี้ไปก่อนแล้ว

ดังนั้น ความน่าจะเป็นในบทสรุปของเรื่องนี้คงออกไปในทำนองเดียวกับที่ สนช. บางคนพูดไว้ว่าเป็นคลิปตัดต่อ และต้องสรุปต่อไปด้วยว่าหาคนปล่อยคลิปไม่ได้ ไม่รู้ใครเป็นคนอัดเสียง ไม่รู้ว่าเสียงที่พูดนั้นเป็นเสียงใคร เพื่อตัดวงจรให้เรื่องทั้งหมดจบลงแค่นี้

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผลสอบจะออกมาในทิศทางที่คาดเดาหรือไม่ มีข้อมูลที่น่าสนใจที่เพจ iLaw นำมาเปิดเผยโดยตั้งเป็นคำถามว่า รู้หรือไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์เคยใช้มาตรา 44 ยุติการสรรหา กสทช. 2 ครั้ง?

เนื้อหาระบุว่า การที่ สนช. คว่ำกระบวนการสรรหา กสทช. เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเพียงอีกครั้งหนึ่งเท่านั้นในการล้มกระบวนการสรรหา กสทช. ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์เคยใช้มาตรา 44 ในการยุติกระบวนการสรรหากรรมการ กสทช. แล้วถึง 2 ครั้ง

ครั้งแรกเมื่อปี 2558 คณะกรรมการสรรหากรรมการ กสทช. ดำเนินการคัดเลือกผู้สมัครกรรมการ กสทช. คนใหม่แทนนายสุทธิพล ทวีชัยการ ที่ลาออกเพื่อไปดำรงตำแหน่งกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน โดยคณะกรรมการสรรหาคัดเลือกผู้สมัครเหลือจำนวน 4 คน อย่างไรก็ตาม สนช. ลงมติไม่รับรองผู้สมัครรายใดเป็นกรรมการ กสทช. ส่งผลให้หัวหน้า คสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ไม่ให้มีการแต่งตั้งกรรมการเพิ่มเติม

ครั้งที่สองเมื่อปี 2559 เมื่อกรรมการ กสทช. ต้องพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ หัวหน้า คสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ระงับการสรรหากรรมการ กสทช. คนใหม่ โดยให้เหตุผลว่าขณะนั้น สนช. กำลังมีการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกํากับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม โดยจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนขององค์ประกอบ คุณสมบัติ และกระบวนการได้มาของ กสทช. ซึ่งแตกต่างไปจากกฎหมายเดิม

จากข้อมูลของเพจ iLaw จะเห็นว่าการใช้มาตรา 44 ของ “บิ๊กตู่” ครั้งแรกคือการตัดปัญหาการสรรหาที่ สนช. ไม่ลงมติรับรองผู้สมัครรายใดเป็นกรรมการ กสทช. ครั้งที่สองให้หยุดการสรรหาเพื่อรอกฎหมายใหม่

การล้มกระบวนการสรรหา กสทช. ครั้งนี้เหมือนกับการใช้มาตรา 44 ครั้งแรก และควรใช้มาตรา 44 ระงับการสรรหาไว้ก่อนอีกครั้งเพื่อรอสภาเลือกตั้งมาคัดเลือก เพราะ สนช. ชุดนี้ไม่มีประสิทธิภาพในการคัดคนเข้าทำงานในองค์กรอิสระ ดังจะเห็นได้จากมีปัญหาทั้งการสรรหากรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ กสทช.

“ถ้ากระบวนการสรรหาล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ต้องเป็นความรับผิดชอบขององค์กรเหล่านี้เหมือนกันว่าทำไมไม่สามารถสรรหาบุคคลมาดำรงตำแหน่งได้ หรือถ้าต่อไปวันข้างหน้าบุคคลที่มาสมัครอาจจะมีสายสัมพันธ์กับผู้มีอำนาจชัดเจนขึ้น ก็จะกลายเป็นคำตอบว่าที่เที่ยวนี้ไม่ได้เพราะยังไม่เป็นไปตามความต้องการของผู้มีอำนาจ”

เป็นคำกล่าวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ชี้ให้เห็นภาพ 2 ภาพชัดเจนระหว่างองค์กรสรรหาไร้ประสิทธิภาพกับยังไม่ได้คนตามใบสั่ง


You must be logged in to post a comment Login