วันพฤหัสที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

สกัดเกียร์ว่าง

On April 12, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

คำประกาศไม่ยื้อการยื่นหนังสือลาออกของนายสมชัย สัจจพงษ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง โดยเฉพาะคำพูด “บิ๊กตู่” ที่ว่าจะออกก็ออกไป อย่างนี้เป็นข้าราชการไม่ได้ ถือเป็นการแสดงท่าทีที่น่าสนใจ เพราะเป็นการแสดงออกที่แข็งกร้าวต่อข้าราชการซึ่งทำงานสนองนโยบายรัฐบาลทหาร คสช. ได้ดีที่สุดคนหนึ่งโดยไม่เกรงว่าจะเกิดการขวัญเสียในหมู่ข้าราชการ ทั้งนี้ อาจทำให้มองได้ว่าเป็นการกระชับอำนาจ สกัดไม่ให้ข้าราชการเข้าเกียร์ว่างในช่วงปลายอำนาจก่อนการเลือกตั้งจนส่งผลกระทบต่อรัฐบาลทั้งวันนี้และวันหน้า

การตัดสินใจยื่นใบลาออกจากราชการของนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นเรื่องที่น่าสนใจ

เป็นการยื่นลาออกหลังจากถูกคณะรัฐมนตรี (ครม.) โยกย้ายให้ไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อไปทำหน้าที่แทนนายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการ สศช. ที่ถูกโอนย้ายไปดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ที่มีปัญหาเรื่องทุจริตเงินช่วยเหลือคนพิการ

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ที่ต้องโยกนายสมชัยไปเป็นเลขาธิการ สศช. เพราะต้องการให้ช่วยดูแลการขับเคลื่อนงานของคณะกรรมการปฏิรูป ซึ่งต้องเดินหน้าหลายด้าน

มองผิวเผินก็น่าจะเป็นเรื่องดี เพราะไปรับงานที่มีความรับผิดชอบมากกว่า

แต่คำถามคือ ทำไมนายสมชัยจึงตัดสินใจยื่นใบลาออก

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่าจะไม่ยับยั้งการลาออกครั้งนี้

“ไม่พอใจใคร เป็นข้าราชการไม่พอใจได้หรือ อย่างนี้ก็เป็นข้าราชการไม่ได้”… “จะยับยั้งเรื่องอะไรล่ะ ก็เขาลาออกจะยับยั้งเรื่องอะไร ต้องมีเหตุมีผล อย่าหาเรื่อง”

เป็นคำกล่าวของนายกฯที่ตอบสื่อมวลชนหลังถูกตั้งคำถามว่าอดีตปลัดกระทรวงการคลังลาออกเพราะไม่พอใจที่ถูกโยกไปเป็นเลขาธิการ สศช. และจะยับยั้งการลาออกหรือไม่

เมื่อถูกตั้งคำถามว่าจะเกิดเป็นรอยร้าวในการทำงานกับข้าราชการหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ไม่มีร้าว ผมหนักแน่นพอ ใครอยากออก ออกมาอีก เรื่องนี้ไม่บานปลาย จะบานเพราะพวกเรา (สื่อ) นั่นแหละ”

สำหรับนายสมชัยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลังมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2558 รวมเวลา 2 ปี 6 เดือน ขณะที่ยังเหลืออายุราชการก่อนเกษียณอีกประมาณ 2 ปี

จริงหรือไม่ไม่รู้ แต่เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/798511) รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า สาเหตุของการโยกย้ายครั้งนี้เพราะเป็นช่วงที่กำลังจะมีการเลือกตั้ง รัฐบาลจึงต้องการเลือกบุคคลที่จะสามารถสนองงานนโยบายได้ทุกด้าน

ทั้งนี้ มีกระแสข่าวว่านายสมชัยจะถูกโยกย้ายตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งเนื่องจากนายสมชัยได้ไปพูดในเวทีสัมมนาแห่งหนึ่งโดยระบุว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเล็กๆเปรียบเสมือนเห็บสยามที่พร้อมจะเกาะกินประเทศอื่นที่มีการเติบโตที่ดี ทำให้รัฐบาลไม่พอใจ แต่เนื่องจากนายสมชัยเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเรียน วปอ. กับนายกรัฐมนตรีจึงยังเกรงใจที่จะโยกย้ายในช่วงนั้น ขณะเดียวกันนายสมชัยถือว่าเป็นบุคคลที่มีความสามารถในการสานงานนโยบายรัฐได้ดีเช่นกัน

ผลงานที่ผ่านมาของนายสมชัยถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการผลักดันนโยบายและมาตรการต่างๆของรัฐให้เป็นรูปธรรมในทางปฏิบัติ เช่น การแจกสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย เฟส 1 และ 2 การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ และโครงการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีเพย์เมนต์ ซึ่งเป็นนโยบายที่เรียกคะแนนให้รัฐบาลทหาร คสช. ได้ดีพอสมควร

อย่างไรก็ตาม การลาออกของนายสมชัยไม่ใช่เกิดขึ้นทันทีหลัง ครม. มีมติโยกย้ายให้ไปเป็นเลขาธิการ สศช. แต่เป็นการลาออกที่ตัดสินใจไว้ล่วงหน้าแล้ว

ทั้งนี้ เนื่องจากก่อนถูกโยกย้ายนายสมชัยได้รับแจ้งจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก่อนแล้ว และได้ยื่นลาพักร้อนตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อนเพื่อรอดูผลการประชุม ครม. ในวันอังคารที่ผ่านมา

ไม่รู้ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้รายงานเรื่องการพูดคุยกับนายสมชัยให้ที่ประชุม ครม. ทราบก่อนมีมติหรือไม่

ถ้ารู้ว่านายสมชัยจะลาออกหากถูกโยกย้ายแล้วยังมีมติให้โยกย้ายถือว่าน่าสนใจ เพราะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในการใช้อำนาจโดยไม่แคร์ว่าคนนั้นจะเก่ง มีฝีมือ หรือเคยสนองนโยบายได้ดีเพียงใด

กล้าที่จะยอมหักโดยไม่ยอมงอ แถมประกาศทำนองว่าใครอยากออกก็ออกไป ไม่มีง้อ โดยไม่เกรงว่าจะเกิดการขวัญเสียในหมู่ข้าราชการ

แต่หากมองอีกมุมหนึ่งจะเห็นว่าเป็นการกระชับอำนาจของรัฐบาลทหาร คสช. เพราะเป็นที่รู้กันว่าธรรมชาติของข้าราชการเมื่อรัฐบาลอยู่ในช่วงท้ายๆของการนั่งทับอำนาจ ส่วนมากจะเข้าเกียร์ว่างรอดูทิศทางลมทางการเมืองว่าใครจะเข้ามาเป็นนายใหม่หลังเลือกตั้ง เพราะเกรงว่าถ้าสนองนโยบายผู้มีอำนาจปัจจุบันเต็มที่ หลังเลือกตั้งแล้วเกิดอำนาจเปลี่ยนมือไปเป็นอีกขั้วหนึ่งจะได้รับผลกระทบในหน้าที่การงาน

ต้องรอดูว่าการกระชับอำนาจครั้งนี้จะทำให้เกิดรอยร้าวระหว่างข้าราชการกับรัฐบาลทหาร คสช. มากขึ้น หรือจะทำให้ข้าราชการกระฉับกระเฉงที่จะสนองนโยบายมากขึ้น ไม่ว่าจะออกหน้าไหนล้วนแล้วแต่มีผลต่อรัฐบาลทหาร คสช. โดยตรงทั้งวันนี้และวันหน้า


You must be logged in to post a comment Login