วันพฤหัสที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

ลองกำลังก่อนเอาจริง

On April 11, 2018

คอลัมน์: สันติธรรม “ลองกำลังก่อนเอาจริง”

โดย บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้วันสุข วันที่ 13-20 เมษายน)

การเมืองระหว่างประเทศเป็นเรื่องของผลประโยชน์ ถ้าการเมืองเล่นกันบนโต๊ะเจรจาเรียกว่าการทูต ส่วนการเมืองที่เล่นกันด้วยอาวุธหลังจากเจรจาไม่เป็นผลแล้วเรียกว่าสงคราม

ดังนั้น แต่ละชาติจึงจำเป็นต้องมีหน่วยงานทางการทูตและหน่วยงานที่เตรียมพร้อมด้านสงคราม ชาติเล็กอาจไม่แพ้ชาติใหญ่ในทางการทูต แต่ชาติเล็กไม่อาจหาญสู้ชาติใหญ่ได้ในเรื่องการทำสงคราม เพราะชาติเล็กไม่สามารถผลิตอาวุธได้ จึงต้องพึ่งพาอาศัยชาติใหญ่คุ้มครองตน ซึ่งต้องแลกด้วยผลประโยชน์บางอย่าง

1

การยอมสูญเสียดินแดนบางส่วนของสยามในอดีตจากนโยบายเรือปืนของชาติตะวันตกเป็นตัวอย่างในเรื่องนี้เป็นอย่างดี

ชาติใหญ่ในโลกพอมีอำนาจก็วางตัวเป็นอันธพาล ถ้าต้องการอะไรก็จะใช้อำนาจของตนรีดไถหรือไม่ก็ฉกชิงไม่ต่างอะไรจากอันธพาลในสังคม และถ้าเห็นชาติใดมีบารมีขึ้นมาเทียบเคียงกับตน ชาติอันธพาลเดิมก็เริ่มหาทางจำกัดหรือไม่ก็กำจัดอิทธิพลของชาติคู่แข่ง

สถานการณ์ของโลกที่รู้เห็นกันอยู่ก็เป็นเช่นนี้ สหรัฐอเมริกาที่เคยเป็นชาติมหาอำนาจที่มีอิทธิพลเหนือโลกมีบางชาติที่กำลังเติบโตขึ้นมาเป็นคู่แข่งและมีท่าทีที่สหรัฐอเมริกาเห็นว่ากำลังคุกคามผลประโยชน์ของตน นั่นคือจีนและรัสเซีย

ถ้าจีนและรัสเซียเป็นประเทศเล็กอย่างอิรักหรือลิเบียที่ท้าทายอำนาจทางการเงินของสหรัฐแบบหักดิบด้วยการไม่รับเงินดอลลาร์ในการขายน้ำมัน ป่านนี้จีนและรัสเซียก็คงโดนอันพาลโลกทำลายย่อยยับไปแล้ว

แต่จีนกับรัสเซียต่างเป็นชาติใหญ่ที่มีความเข้มแข็งพอๆกับสหรัฐอเมริกา แม้ 2 ชาตินี้จะมีอาวุธทำลายร้ายแรงน้อยกว่า แต่ถ้าสหรัฐอเมริกาใช้กำลังแบบอันธพาลและโดนตอบโต้ สหรัฐอเมริกาก็ต้องได้รับความเสียหายเหมือนกัน สหรัฐอเมริกาสร้างตัวมั่งคั่งร่ำรวยมาได้จากสงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง เพราะไม่ได้เข้าร่วมสงครามโดยตรง และยังผลิตอาวุธให้คู่สงครามซื้อไปรบกัน แต่นั่นเป็นยุคที่ยังไม่มีขีปนาวุธข้ามทวีป สหรัฐอเมริกาจึงต้องคิดหนักถ้าจะใช้ท่าทีอันธพาลกับจีนและรัสเซียในปัจจุบัน

เมื่อใช้กำลังรบไม่ได้ สหรัฐอเมริกาก็หันมาทำสงครามทางการทูตกับรัสเซียโดยการกล่าวหารัสเซียว่าสังหารอดีตสายลับรัสเซียในอังกฤษและไล่นักการทูตรัสเซียในสหรัฐอเมริกาจำนวนหนึ่งออกนอกประเทศ อีกทั้งยังชวนให้ชาติพันธมิตรของตนในยุโรปทำเช่นนั้นด้วย ซึ่งรัสเซียได้ตอบโต้ในลักษณะเดียวกัน แต่กับจีนสหรัฐหันมาทำสงครามทางการค้าอีกครั้งด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนหลายอย่าง จีนได้โต้ตอบสหรัฐอเมริกาแบบหมัดต่อหมัดด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐในลักษณะที่เท่าเทียมกัน

ในยุคสมัยใหม่การรุกรานชาติหนึ่งชาติใดโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรจะถูกชาวโลกประณามและต่อต้าน สหรัฐอเมริกาจึงต้องสร้างสถานการณ์ให้ตัวเองมีเหตุผลที่จะรุกรานชาติอื่น เช่น การปล่อยข่าวกล่าวหาว่าซัดดัม ฮุสเซน ผู้นำอิรัก สะสมอาวุธร้ายแรง และพันเอกอัมมาร์ กอซซาฟี เป็นเผด็จการ หลังจากนั้นก็สร้างเหตุการณ์ถล่มตึกเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์เพื่อให้โลกเห็นว่าสหรัฐอเมริกาถูกโจมตีก่อน เพื่อเป็นเหตุผลปูทางส่งทหารเข้าไปโค่นล้มรัฐบาลของ 2 ประเทศที่ท้าทายผลประโยชน์ของตน

แต่กับรัสเซียและจีน สหรัฐอเมริกาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะทั้งจีนและรัสเซียมีสำนักข่าวที่ทำสงครามข่าวสารตอบโต้สหรัฐอเมริกาทั่วโลกมาโดยตลอด

สหรัฐอเมริกาเคยแพ้สงครามการค้าและสงครามการเงินต่อจีนมาแล้ว และสหรัฐอเมริการู้ว่าตัวเองไม่มีทางที่จะกลับมาเอาชนะจีนในสมรภูมิการค้าและการเงินได้อีก แต่ที่เลือกทำสงครามการค้ากับจีนอีกครั้งด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนทั้งๆที่รู้ว่าต้องถูกจีนโต้ตอบก็เพื่อประเมินกำลังก่อนทำสงครามกันด้วยอาวุธ   

 


You must be logged in to post a comment Login