วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567

ฝันของ‘ตาอยู่’

On April 4, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

ข่าวรัฐมนตรีในรัฐบาลทหาร คสช. กำลังซุ่มฟอร์มทีมตั้งพรรคการเมืองเพื่ออุ้ม “บิ๊กตู่” กลับมาเป็นนายกฯถูกพูดถึงอีกครั้ง หากดูจากบรรยากาศยืนยันการเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองที่คึกคัก “บิ๊กเนม” ยังแท็กทีมกันอยู่พรรคเดิมครบ มีเพียงกลุ่มก๊วนเล็กๆที่อาจเปลี่ยนสีเสื้อ ก็ไม่ง่ายที่พรรคใหม่จะทำภารกิจสำเร็จ ยิ่งเมื่อดูจากเงื่อนไขการโหวตเลือกนายกฯในสภาที่มีคนในระบบต่อแถวให้เลือกกว่า 10 คน โอกาสที่จะได้เห็นพรรคใหญ่โหวตสนับสนุนตัวแทนพรรคเล็กนั่งเก้าอี้นายกฯยังมีเปอร์เซ็นต์สูงกว่าที่จะเห็นพรรคการเมืองหันมาโหวตเลือกคนนอกนั่งเก้าอี้นายกฯ ฝันของ “ตาอยู่” มีโอกาสลืมตาตื่นมาแล้วพบว่าเป็นความจริงน้อยถึงน้อยมาก

สปอตไลท์การเมืองตอนนี้ดูเหมือนว่าจะโฟกัสไปที่เดือนมิถุนายน อันเป็นเดือนที่ถูกคาดหมายว่าอะไรที่ยังคลุมเครืออยู่ในตอนนี้จะมีความแจ่มชัดมากขึ้น

เหมือนกับว่าเป็นช่วงเวลาที่หมอกควันเริ่มจาง อะไรที่เคยเห็นรางๆก็จะมองเห็นได้เต็มสองตา

เมื่อตรวจดูเงื่อนเวลาตามปฏิทินการเมืองแล้วเห็นว่าเป็นช่วงเวลาประจวบเหมาะที่จะรู้ผลตีความร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ซึ่งเป็นร่าง พ.ร.ป. ฉบับสุดท้ายที่จะประกาศใช้และนำไปสู่การจัดการเลือกตั้ง

หากเป็นไปตามที่พูดผลน่าจะออกมาในช่วงกลางหรือปลายเดือนพฤษภาคม และแน่นอนว่าก่อนหน้านั้นจะรู้ผลการตีความร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ถูกยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญไปก่อนร่าง พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.

หากมีประเด็นให้ต้องปรับแก้ก็น่าจะทำได้เสร็จสิ้นในเดือนมิถุนายน

เดือนมิถุนายนอีกเช่นกันที่ผู้มีอำนาจระบุว่าจะปลดโซ่พรรคการเมืองให้กลับมาทำกิจกรรมได้เต็มรูปแบบ

ส่วนที่เป็นข่าวล่ามาแรงคือการเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ที่จะมีคนระดับรัฐมนตรีในรัฐบาลทหาร คสช. เป็นหัวหน้าพรรคนำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง มีคนระดับรัฐมนตรีในรัฐบาลทหาร คสช. เป็นแม่บ้านจัดการเรื่องภายในพรรคในตำแหน่งเลขาธิการพรรค

แต่ที่เป็นไฮไลท์คือกรณีที่ระบุว่าจะมีชื่อของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เป็นที่ปรึกษาพรรค เข้าสู่ระบบการเมืองเต็มตัว

แน่นอนว่าพรรคการเมืองใหม่ที่ว่านี้มีหลักชัยอยู่ที่การดัน “บิ๊กตู่” ให้ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้ง

แต่ก็ไม่ใช่เป็นภารกิจที่ง่าย เพราะการเปิดยืนยันความเป็นสมาชิกพรรคการเมืองทั้งพรรคใหญ่ พรรคเล็ก ที่มีอยู่ก่อนรัฐประหารเต็มไปด้วยความคึกคัก

บรรดา “บิ๊กเนม” ของแต่ละพรรคต่างตบเท้าเข้ายืนยันความเป็นสมาชิกพรรค พร้อมจ่ายเงินค่าบำรุงพรรคตามที่กฎหมายกำหนด

ไม่ว่าจะเป็น 2 พรรคใหญ่อย่างเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ หรือพรรคเล็กอย่างภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา

ที่สำคัญพรรคการเมืองเหล่านี้ต่างยืนยันจะเสนอชื่อคนในพรรคชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามที่กฎหมายกำหนดให้เสนอได้ 3 ชื่อ และประกาศชัดเจนว่าใครจะเป็นนายกฯต้องผ่านการโหวตเลือกในสภา

แม้จะมีอดีต ส.ส. บางกลุ่มบางก๊วนของพรรคใหญ่ยังไม่ไปยืนยันการเป็นสมาชิกพรรค และมีความน่าจะเป็นว่าจะเปลี่ยนไปสวมเสื้อพรรคการเมืองใหม่ที่จะเปิดตัวในเดือนมิถุนายน

แต่กลุ่มก๊วนอดีต ส.ส. ที่ว่านั้นก็เป็นอดีต ส.ส. ที่มีจำนวนไม่มาก

ที่สำคัญความมั่นคงในพื้นที่ไม่ถึงกับรับประกันได้ 100% ว่าลงสมัครเมื่อไรจะได้รับเลือกจากประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปลี่ยนสีเสื้อพรรคเข้าแข่งขัน

นั่นเท่ากับว่าอนาคตของพรรคที่จะเปิดตัวในเดือนมิถุนายนไม่ค่อยสดใสนักในสนามเลือกตั้ง

แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อภารกิจอุ้ม “บิ๊กตู่” กลับมาเป็นนายกฯรอบสองด้วย

ยิ่งเมื่อมองถึงจุดยืนพรรคการเมืองต่างๆที่ประกาศออกมาอย่างชัดเจนว่าจะสนับสนุนคนในพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้โอกาสที่เก้าอี้นายกฯจะหลุดมาถึง “บิ๊กตู่” นั้นยากขึ้นไปอีกเท่าตัว

เมื่อแต่ละพรรคเสนอชื่อคนที่เหมาะสมเป็นนายกฯได้พรรคละ 3 คน แม้รายชื่อลำดับที่ 1 จะไม่ผ่านการรับรองก็ต้องโหวตรายชื่อลำดับที่ 2 ที่ 3 ต่อไป

เอาแค่ 4 พรรคหลักก็มีคนต่อแถวชิงเก้าอี้นายกฯแล้วไม่ต่ำกว่า 12 คน ใน 12 คนที่ว่านี้ (หรืออาจจะมากกว่านั้น) เป็นไปไม่ได้เลยหรือที่พรรคการเมืองจะประสานประโยชน์กันไม่ได้ เพื่อกันไม่ให้เก้าอี้นายกฯตกไปเป็นของ “ตาอยู่” ที่ไม่ผ่านการเลือกตั้ง

มองในทางการเมืองโอกาสที่จะได้เห็นพรรคใหญ่โหวตสนับสนุนให้ตัวแทนพรรคเล็กนั่งเก้าอี้นายกฯยังมีเปอร์เซ็นต์สูงกว่าที่จะเห็นพรรคการเมืองหันมาโหวตเลือกคนนอกนั่งเก้าอี้นายกฯ

ฝันของ “ตาอยู่” มีโอกาสลืมตาตื่นมาแล้วพบว่าเป็นความจริงน้อยถึงน้อยมาก ไม่ต่างอะไรกับการเล่นกอล์ฟ ตีทีละช็อตมีโอกาสทำเบอร์ดี้หรือเก็บพาร์ได้มากกว่า พวกที่หวดเต็มแรงหวังตีทีเดียวลงหลุมได้โฮลอินวัน ถ้าไม่ฟลุคจริงโอกาสเป็นไปได้ยาก


You must be logged in to post a comment Login