- “อนุทิน”แย้มหากร่วมรัฐบาลคสช.ต้องคุยกันหลังเลือกตั้งPosted 15 hours ago
- “ธนาธร”จี้พรรคการเมืองประกาศชัดหนุนคสช.หรืออยู่ข้างปชต.Posted 16 hours ago
- “จาตุรนต์”ระบุเพื่อไทยพร้อมถกถ้า”บิ๊กตู่”ไปในฐานะแคนดิเดตพรรคPosted 16 hours ago
- “สุรชัย”ระบุต้องเริ่มกระบวนการสรรหากสทช.ชุดใหม่ทันทีPosted 16 hours ago
- “บังคับคดี”เตรียมขายที่ดินคดีทุจริตแบงก์กรุงไทย4,340ไร่Posted 17 hours ago
- “พรเพชร”ยันไม่มีเสียงอ้างนายกฯสั่งคว่ำสรรกสทช.Posted 17 hours ago
- ชทพ.ย้ำจุดยืนไม่สร้างศัตรูมั่นใจได้20-30ที่นั่งPosted 18 hours ago
- “เจตน์”ไม่เชื่อคลิปล้มกระดานกสทช.อัดจากที่ประชุมสนช.Posted 18 hours ago
- ประกาศแล้วกม.”ห้ามทำประชานิยม”Posted 19 hours ago
- “ประวิตร”ระบุคงไม่ต้องใช้ม.44แก้ปัญหาบ้านพักตุลาการPosted 19 hours ago
“วิรัตน์”ชี้”บิ๊กตู่”ควรลาออกนั่งที่ปรึกษาพรรค-ขัดหลักนิติรัฐ-นิติธรรม

นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่า พรรคพลังประชารัฐจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีตามบัญชีรายชื่อว่า การตั้งพรรคการเมืองถ้ามีเจตนาบริสุทธิ์เพื่อรวบรวมผู้คนนำมาพัฒนาบ้านเมืองถือเป็นเรื่องที่ดีและน่าสนับสนุน ซึ่งพรรคการเมืองประกาศสนับสนุนผู้ใดเป็นนายกรัฐมนตรี หรือสนับสนุนแนวทางใดที่ไม่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญย่อมสามารถกระทำได้
ดังนั้น การที่พรรคใดก็ตามประกาศนโยบายว่าจะเดินหน้าสานต่อโครงการประชารัฐ หรือเดินหน้าสานต่อประเด็นต่างๆ ที่ชอบด้วยกฎหมายย่อมเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ทั้งสิ้น แต่คนในรัฐบาลนี้โดยเฉพาะรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรีจะรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค หรือตำแหน่งประธานที่ปรึกาาพรรคในขณะที่ยังดำรงตำแหน่งทางการเมืองอยู่ ตนเห็นว่าไม่น่าจะชอบด้วยหลักนิติรัฐ นิติธรรม และไม่ชอบด้วยเหตุผลประการทั้งปวง เพราะเป็นการเอาเปรียบคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด
“หากพรรคดังกล่าวมีหัวหน้าพรรคซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ ดังนั้น หากยืนยันที่จะตั้งพรรคการเมืองก็ควรจะต้องลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี หรือ พล.อ.ประยุทธ์ อยากดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพรรคดังกล่าวก็คงต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเช่นกัน เพราะไม่เช่นนั้นแล้วจะกลายเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน และดูไม่ดีในสายตาของพรรคการเมืองอื่น รวมถึงพี่น้องประชาชน” นายวิรัตน์ กล่าว
นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า ในทางกฎหมายหากพรรคใดได้ที่นั่ง ส.ส. เกิน 25 คนตัวบุคคลที่พรรคนั้นเสนอคือรายชื่อ 1 ใน 3 คนที่มีสิทธิได้รับการพิจารณาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งจะง่าย และสะดวกกว่าการเป็นนายกฯ คนนอก เพราะนายกฯ คนนอกจะเข้ามาได้นั้นสภาต้องเห็นชอบในหลักการ โดยต้องได้เสียงมากกว่า 500 เสียง
ดังนั้น หาก พล.อ.ประยุทธ์ ประสงค์จะเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง โดยจะใช้ช่องทางให้พรรคการเมืองเสนอชื่อ 1 ใน 3 ชื่อย่อมจะมีโอกาสง่าย และมีโอกาสมากกว่ามาจากนายกฯ คนนอก เพียงแต่พรรคการเมืองนั้นต้องถาม พล.อ.ประยุทธ์ เสียก่อนว่าเขาจะยินยอมให้พรรคการเมืองนั้นเสนอชื่อตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่
You must be logged in to post a comment Login