วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2567

“สิงห์”ขยับก้าวใหญ่ตั้ง“Singha Ventures”ลงทุนธุรกิจสตาร์ทอัพ

On March 9, 2018

โลกปัจจุบันเปลี่ยนแปลงเร็ว มีธุรกิจเกิดใหม่มากมาย โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล หากมีแพลตฟอร์มที่ดี จะสามารถสร้างการเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ “Singha Ventures” มองเห็นโอกาสในการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันนวัตกรรมและไอเดียธุรกิจเด็ดๆให้มีโอกาส “แจ้งเกิด” ในวงการ จึงเกิดก้าวที่ยิ่งใหญ่เมื่อSingha Venturesเข้าไปลงทุนในสตาร์ทอัพดาวรุ่งทั่วโลก

ภูริต ภิรมย์ภักดี ประธานกรรมการบริหาร Singha Ventures เปิดเผยว่า บริษัทแสวงหาโอกาสใหม่ๆในการขยายธุรกิจให้กว้างมากขึ้น สร้างความเจริญเติบโตในระยะยาวให้กับองค์กรเมื่อมองเทรนด์การลงทุนทั่วโลก พบว่าธุรกิจ “Start-ups” ถือเป็นหนึ่งใน New S-Curve หรือธุรกิจแห่งอนาคตที่น่าสนใจ เพราะสตาร์ทอัพมักมีแนวคิดที่แปลกใหม่ ตอบสนองการใช้ชีวิตในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ด้วยโมเดลทางธุรกิจแบบใหม่ที่แตกต่าง แต่เจาะตลาดใหญ่(Mass) ได้ ที่สำคัญสร้างการเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว กลายเป็นบริษัทขนาดใหญ่ในระยะเวลาอันสั้น

ปัจจุบัน สตาร์ทอัพที่มีไอเดียธุรกิจเจ๋งๆจนกลายเป็นดาวรุ่งเกิดขึ้นจำนวนมากอยู่ทั่วไทย ทั่วโลก และจำนวนไม่น้อยยังไม่มีผู้สนับสนุนในด้านต่างๆ เช่น เงินลงทุน แนวคิดหรือไอเดียทางด้านการตลาด ฯลฯที่ทำให้Singha Venturesมองเห็นโอกาสที่จะร่วมงานกับบรรดาสตาร์ทอัพดาวรุ่งเหล่านั้นในฐานะพาร์ทเนอร์ และพร้อมจะเป็นกลไกสำคัญช่วยติดไอพ่นให้ความคิดดีๆดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นจริง ต่อยอดเป็นโมเดลธุรกิจที่ผงาดและพลิกโลกได้เช่นเดียวกับธุรกิจสตาร์ทอัพชื่อก้องโลกหลายรายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

จากปัจจัยข้างต้น ทำให้ปี 2560 บริษัทได้จัดตั้ง “Singha Ventures” ธุรกิจเงินร่วมลงทุน(Venture Capital Fund หรือ CVC)  มีบทบาทในการเป็นผู้สนับสนุนการลงทุนในนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ของกลุ่มสตาร์ทอัพดาวรุ่งระดับโลก(World Start-up) เพื่อสร้างประโยชน์ร่วมกันในอนาคต

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ Singha  Ventures ให้ความสนใจเข้าไปลงทุน ประกอบด้วย 3 กลุ่มอุตสาหกรรมหลักทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ได้แก่ 1.สินค้าอุปโภคบริโภค(Consumer products) ทั้งกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เครื่องปรุงรส รวมไปถึงบรรจุภัณฑ์ต่างๆ 2.เทคโนโลยีในการจัดการห่วงโซ่การผลิต(Supply chain) ด้านการขนส่งและการจำหน่ายสินค้า เช่น การขนส่งถึงลูกค้าปลายทางโดยตรง(last mile) การขนส่งระหว่างภาคธุรกิจ(business to business solution : B2B) และการส่งสินค้าและบริการ e-commerce และ 3.ลงทุนในระบบหรือโปรแกรมต่างๆ เพื่อช่วยในการทำงานขององค์กร(Enterprise solutions) เช่น Software as a service (SaaS) Cloud computing ระบบการจ่ายเงิน และระบบการให้สินเชื่อแก่คู่ค้า

นอกจากนี้ ยังเปิดกว้างความสนใจในการลงทุนธุรกิจอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ธุรกิจด้านสุขภาพ(Healthcare) เทคโนโลยีชีวภาพ(Biotech) เทคโนโลยีสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์(Property technology) และ Internet of Things(IoT) เป็นต้น  และการลงทุนจะโฟกัสธุรกิจสตาร์ทอัพที่มีโมเดลธุรกิจชัดเจน มีตลาด และมีรายได้แล้ว(ระดับ Series A) และมีความเป็นไปได้ในการเข้าไปลงทุนในระดับ Seed Funding stage หากธุรกิจดังกล่าวเป็นไอเดียที่โดดเด่น และอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีสามารถนำมาพัฒนาต่อยอด เสริมศักยภาพองค์กร(Synergy) สิงห์ได้ และเป็นประโยชน์ต่อพันธมิตรควบคู่กัน

ทั้งนี้ ปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัทได้เข้าไปลงทุนแล้ว ในกองทุน 2 กองทุน(Fund of Funds ได้แก่ Kejora Ventures แพลตฟอร์มนระบบนิเวศน์ทางเทคโนโลยี(Technology ecosystem) ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย มีการลงทุนในธุรกิจแล้วกว่า 29 ธุรกิจ และ Vertex Ventures จากสิงคโปร์ มีเครือข่ายของบุคคลที่มีความรู้และประสบการณ์ในวงการ Technology และ Venture Capital อย่างกว้างขวางทั่วโลก


You must be logged in to post a comment Login