วันพฤหัสที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

‘สมคิด’White Lie? / โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย

On February 22, 2018

คอลัมน์ : โลกอสังหาฯ
ผู้เขียน : ดร.โสภณ พรโชคชัย

น่าเห็นใจ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่บอกให้เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยกำลังดีขึ้น แต่มีหลักฐานมากที่แสดงให้เห็นว่าไม่เป็นความจริง ผมในฐานะประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทยและคณะได้ออกสำรวจความเห็นของผู้เกี่ยวข้องหลายครั้ง ทั้งที่วัดอรุณราชวราราม ท่าเตียน ท่าช้าง ถนนข้าวสาร พัฒน์พงศ์ เอเชียทีค รวมทั้งคนขับแท็กซี่ที่สุวรรณภูมิ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเศรษฐกิจแย่

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561 สำรวจความเห็นผู้ค้าแผงรายย่อยและรถสามล้อรับจ้างบริเวณวัดอรุณราชวราราม ท่าเตียนแถววัดโพธิ์ ท่าช้างแถวพระบรมมหาราชวัง และถนนข้าวสาร ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ แต่ละบริเวณมีร้านค้า แผงลอย และผู้ประกอบการ 150-200 ราย โดยสำรวจแห่งละประมาณ 32 ราย หรือ 20% ของผู้ค้าทั้งหมด

สรุปทั้ง 4 บริเวณพบว่านักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจริงคือประมาณ 2.5% จากต้นปี 2560 แต่รายได้ลดลงเหลือ 97.2% แม้ไม่ได้ลดลงมาก แต่ไม่ได้เพิ่มขึ้น เศรษฐกิจก็ดูตกต่ำลงจาก 100% เหลือ 96.7% เท่านั้น และปี 2562 คาดว่าจะลดลงเหลือ 93.3% เนื่องจากขายสินค้าได้น้อยลง เพราะนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพจากยุโรปลดลง เนื่องจากรัฐประหารส่วนหนึ่ง ลูกค้าที่มากขึ้นคือชาวจีนที่มาเป็นหมู่คณะ ไม่ซื้อสินค้ามากนัก ทั้งยังต่อรองราคาอย่างน่าเกลียด มากกว่าครึ่ง พม่าที่มาทำงานในไทยและมาเที่ยวยังซื้อมากกว่าเสียอีก ขณะที่มีผู้ค้ามากขึ้น โดยเฉพาะถนนข้าวสาร และก็เจ๊งไปหลายร้าน โรงแรมก็ไม่เต็มเหมือนเมื่อหลายปีก่อนรัฐประหาร

วันที่ 15 พฤศจิกายน 2560 ที่ศูนย์การค้าเอเชียทีค ผู้ค้าส่วนมาก 57% ระบุว่านักท่องเที่ยวลดลงกว่าปีที่ผ่านมา มีเพียง 14% เห็นว่าเพิ่มขึ้น และ 29% เห็นว่าเหมือนเดิม รายได้จากการขายสินค้าในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา 39% บอกว่าลดลงมาก 34% บอกว่าลดลง 23% บอกว่าเท่าเดิม ที่เห็นว่าเพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้นมากมีเพียง 4% เท่านั้น

เมื่อถามถึงเศรษฐกิจปี 2561 ปรากฏว่าส่วนมากบอกว่าเหมือนปี 2560 คือยังไม่ดีขึ้น 25% บอกว่าดีขึ้น และ 1% บอกว่าจะดีขึ้นมาก ที่เห็นว่าแย่ลงมี 11% และแย่ลงมาก 4% หลายคนบอกว่าหากมีการเลือกตั้ง สถานการณ์อาจจะดีขึ้นกว่านี้

นอกจากนี้ผู้ค้าบางรายบอกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวอาจไม่ได้ลดลงหรือลดลงไม่มาก แต่ส่วนมากมาเดินชมบรรยากาศ ไม่ค่อยซื้อสินค้า บ้างก็ว่านักท่องเที่ยวจีนมาเดินเที่ยวแต่ไม่ซื้อสินค้าเท่าที่ควร พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ทำงาน 4-5 ปี คือตั้งแต่แรกๆที่ศูนย์การค้าเปิดก็มีความเห็นว่าจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง จำนวนรถทัวร์ที่มาจอดลดน้อยลงกว่าเดิม

วันที่ 18 กันยายน 2560 สำรวจผู้ค้าในบริเวณพัฒน์พงศ์ กรณีปรกติอาจอนุมานว่ามีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 100% แต่ผู้ค้าประเมินว่าเหลือเพียง 63% จากที่ควรจะเป็น แสดงว่าลดลงมากถึง 37% ทีเดียว อีกแง่หนึ่งผู้ค้าที่เห็นว่าจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงมากมีถึง 64% ที่เห็นว่าค่อนข้างลดลงมี 27% และเห็นว่าปานกลาง (เหมือนเดิม) มี 6% ส่วนที่เห็นว่าเพิ่มขึ้นมีเพียง 3% และที่เห็นว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมีเพียง 1% เท่านั้น

ด้านรายได้จากนักท่องเที่ยวซึ่งแง่หนึ่งน่าจะล้อไปตามจำนวนนักท่องเที่ยว แต่ก็อาจแตกต่างกันได้ ผลการศึกษาพบว่าในกรณีปรกติอาจอนุมานว่ามีรายได้จากการท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 100% แต่ผู้ค้าประเมินว่าเหลือเพียง 62% จากที่ควรจะเป็น แสดงว่าลดลงมากถึง 38% ทีเดียว แสดงว่าประเมินลดลงไปในทำนองเดียวกัน ในอีกแง่หนึ่งผู้ค้าที่เห็นว่ารายได้จากการท่องเที่ยวลดลงมากมีถึง 65% ที่เห็นว่าค่อนข้างลดลงมี 27% ที่เห็นว่าปานกลาง (เหมือนเดิม) มี 5% ส่วนที่เห็นว่าเพิ่มขึ้นมีเพียง 3% เท่านั้น

สำหรับความเห็นต่ออนาคตทางเศรษฐกิจของประเทศในอีก 1 ปีข้างหน้า (ปี 2561) หาก 100% เป็นค่าปรกติ ปรากฏว่าผู้ค้าประเมินไว้ที่ 86% แสดงว่าต่ำกว่าปรกติเมื่อเทียบกับปี 2560 ประมาณ 14% แม้จะไม่แตกต่างจากการประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยว ผู้ค้าบางส่วนประเมินว่าเศรษฐกิจคงไม่เลวร้ายไปกว่านี้แล้ว ขณะนี้น่าจะถึงก้นบึ้งแล้ว โดยรวมที่เห็นว่าเศรษฐกิจปี 2561 จะแย่มากมีเพียง 16% ที่เห็นว่าค่อนข้างแย่มี 40% ที่เห็นว่าปานกลางหรือเหมือนปี 2560 มี 39% ที่เห็นว่าจะดีขึ้นมี 16%

เมื่อเดือนพฤษภาคม 2559 คณะได้สำรวจความเห็นของคนขับแท็กซี่ทั้งที่สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง ต่างมองว่าจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง ส่วนหนึ่งเพราะนักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่มาเป็นหมู่คณะ ไม่ได้ใช้บริการแท็กซี่ แต่นักท่องเที่ยวชาติอื่นก็ลดน้อยลงเช่นกัน แท็กซี่ซึ่งเป็นเสมือน “ทูต” หรือ “หน้าต่าง” ของประเทศกลับไม่รู้สึกรู้สาด้วยว่าเป็นสิ่งที่พึงพิจารณา

การที่ผลสำรวจภาคสนามกับตัวเลขของทางราชการสวนทางกันเช่นนี้ ผู้เกี่ยวข้องจึงควรศึกษาให้แน่ชัด การลงทุนในกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น การสร้างโรงแรมรองรับนักท่องเที่ยว จึงควรดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เพราะอาจมีความเสี่ยงแฝงอยู่ การวิเคราะห์ทางการเงินควรเพิ่มค่าความเสี่ยงหรือ Risk Premium ให้มากขึ้น เผื่อกรณีที่มีความเสี่ยงสูงเกินกว่าตัวเลขที่เป็นทางการนั่นเอง

การที่มีตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่ม แต่ทำไมต้องปลดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ถ้าการทำงานด้านการท่องเที่ยวได้ผลจริงจะปลดรัฐมนตรีทำไม หรือทำเพื่อให้คนอื่นที่มีคอนเนกชั่นได้เป็นรัฐมนตรีบ้างเท่านั้น หรือเศรษฐกิจไม่ได้ดีอย่างที่ ดร.สมคิดคุย ทุกท่านต้องพิจารณาให้ดี และเตรียมตัวให้ดีหากเศรษฐกิจกลับทรุดแทนที่จะดี


You must be logged in to post a comment Login