วันพฤหัสที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567

นั่งทับถ่านติดไฟ

On February 15, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

กรณี “หมอธี” ที่ยังคงสถานะความเป็นรัฐมนตรีอยู่ได้ทั้งที่หาญกล้าวิจารณ์พี่ใหญ่ของขั้วอำนาจอย่าง “บิ๊กป้อม” แม้จะดูเหมือนเรื่องจบเร็ว จบง่าย แต่จริงๆ น่าจะยังไม่ใช่ตอนจบ อนาคตความเป็นรัฐมนตรีของ “หมอธี” แม้จะถูกยื่นสอบมีคุณสมบัติขัดกฎหมายเรื่องถือหุ้น แต่อนาคตไม่น่าจะอยู่กับผลสอบเรื่องถือหุ้น อนาคตน่าจะขึ้นกับผลสอบนาฬิกาหรู ที่จะออกมาช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ถ้า “บิ๊กป้อม” อยู่ไม่ได้ “หมอธี” ก็อยู่ต่อลำบาก ต่อให้ “บิ๊กป้อม” อยู่ต่อไปได้ “หมอธี” ก็เหมือนนั่งทับถ่านที่ติดไฟ นั่งได้แต่ไม่มีความสุข

แม้จะดูเหมือนจบเร็ว จบง่าย แต่จริงๆ ยังไม่ใช่ตอนจบ

แม้จะดูเหมือนพอเริ่มมีไฟ ก็รีบดับได้ แต่จริงๆน่าจะยังสุมขอนอยู่

เป็นเรื่องธรรมชาติ ธรรมดาว่า แก้วที่มันร้าวไปแล้วไม่นานก็คงจะแตก และเมื่อแตกแล้วก็ยากที่จะประสานให้กลับมาเป็นดั่งเก่า เหมือนเดิมได้

ถึงวันนี้ “หมอธี” น.พ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีศึกษาธิการ จะยังทำงานตามปรกติ หลังวิจารณ์เรื่องนาฬิกาหรูของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทำนองว่าหากเป็นตัวเองลาออกตั้งแต่ถูกเปิดโปงนาฬิกาเรือนแรกไม่ต้องรอถึง 25 เรือน

ถึงดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรแอบซ่อนอยู่ในกอไผ่หลังการเอ่ยคำขอโทษต่อ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่เสียมารยาทวิจารณ์รัฐมนตรีร่วมรัฐบาล

ถึง “บิ๊กตู่” กับ “บิ๊กป้อม” แสดงออกเหมือนยอมรับได้กับคำขอโทษและให้อภัย แต่ลึกๆ น่าจะยังมีความไม่พอใจอยู่บ้าง เพราะอย่างไรเลือดก็ต้องข้นกว่าน้ำ

แต่ที่ต้องยอมกลืนเลือดทำเหมือนไม่มีอะไรก็เพราะเกรงว่าจะไปเติมเชื้อให้ฝ่ายต่อต้านขยายความโจมตีเรื่องนาฬิกาหรูให้กลับมาเป็นประเด็นร้อนขึ้นอีก ทั้งที่เรื่องเริ่มจะซาๆลงไปแล้ว

แต่เชื่อว่าเมื่อเวลามาถึง โอกาสเอื้ออำนวยต้องมีการชำระสะสาง

เวลาที่ว่าก็คงไม่นานนับจากนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องรอดูผลสอบเบื้อต้นเกี่ยวกับนาฬิกาหรูของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่คาดว่าจะออกมาประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้เป็นหลัก

ถ้าตีตกไม่มีมูลอาจถึงเวลาเช็คบิล

ถ้าชี้ว่ามีมูลตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อเอาผิดตามข้อกล่าวหา หาก “บิ๊กป้อม” ไม่รักษาสัจจะที่ว่าจะลาออก ก็ต้องทนนั่งทำงานร่วมรัฐบาลกันต่อไป

แต่หาก “บิ๊กป้อม” ลาออกตามคำสัตย์ที่ลั่นวาจาเอาไว้ “หมอธี” ก็อยู่ร่วมรัฐบาลต่อไปได้ยาก

ต้องไม่ลืมว่า “หมอธี” ไม่ใช่คนที่ไม่มีข้อกล่าวหา

หลังการเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ถูกตั้งคำถามว่าคุณสมบัติขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ กรณีถือหุ้น SCC ของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 5,000 หุ้น และซื้อเพิ่มอีก 800 หุ้น ก่อนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี

ประเด็นของเรื่องนี้ก็คือกฎหมายห้ามรัฐมนตรีถือครองหุ้นที่มีสัมปทานกับรัฐ ซึ่งกรณีนี้ “หมอธี” น่าจะรู้ข้อเท็จจริงดีที่สุดว่าตนเองมีคุณสมบัติขัดต่อกฎหมายหรือไม่

แต่ดูเหมือน “หมอธี” มั่นใจว่าไม่มีอะไรขัดเพราะก่อนเข้ารับตำแหน่งผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติมาแล้ว

อย่างไรก็ตามเมื่อมีคนร้องให้ตรวจสอบหน่วยงานที่จะเป็นผู้ให้คำตอบว่ามีคุณสมบัติขัดกฎหมายหรือไม่ก็คือศาลรัฐธรรมนูญ

ย้อนไปก่อนหน้านี้หากจำกันได้มีรัฐมนตรีรัฐบาลทหารคสช. 9 คนที่ถูกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สอบเรื่องถือหุ้นขัดกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ผลสอบยังไม่ออกมา แม้จะสอบกันมานานหลายเดือน

“หมอธี” จึงน่าจะอุ่นใจอยู่บ้างเพราะมีเพื่อนร่วมรัฐบาลอีกกลุ่มใหญ่ที่ถูกตรวจสอบ ถึงจะมีรัฐมนตรีบางคนพ้นจากตำแหน่งไปแล้วจากการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งหลังสุด

อย่างไรก็ตามเชื่อว่าอนาคตของ “หมอธี” ไม่น่าจะอยู่กับผลสอบเรื่องถือหุ้นเพราะใช้เวลานานเกินไป

อนาคตของ “หมอธี” น่าจะขึ้นกับผลสอบเรื่องนาฬิกาหรูของ “บิ๊กป้อม” ที่จะออกมาช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้มากกว่า ถ้า “บิ๊กป้อม” อยู่ไม่ได้ “หมอธี” ก็อยู่ต่อลำบาก

ถึงแม้ “บิ๊กป้อม” จะอยู่ต่อไปได้ “หมอธี” ก็เหมือนนั่งทับถ่านที่ติดไฟ นั่งได้แต่ไม่มีความสุข สุดท้ายไม่โบกมือลาเอง ก็เชื่อว่าจะถูกเด้งพ้นคณะรัฐมนตรีอยู่ดี


You must be logged in to post a comment Login