วันพฤหัสที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567

ก่อนจะมาถึงคัมภีร์กุรอาน / โดย บรรจง บินกาซัน

On February 5, 2018

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

คัมภีร์กุรอานนอกจากจะยืนยันความจริงที่อยู่ในคัมภีร์ทางศาสนาก่อนหน้านี้ว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงสร้างมนุษย์แล้ว ยังบอกถึงลักษณะบางอย่างของมนุษย์ไว้ด้วย เช่น มนุษย์นั้นเกิดมาในสภาพที่อ่อนแอและไม่รู้

นี่เป็นความจริงที่มนุษย์ไม่สามารถปฏิเสธได้ ถ้าเปรียบเทียบการเกิดของสัตว์กับมนุษย์ สัตว์สี่เท้า เช่น ม้า เก้ง กวาง พอคลอดออกมาจากท้องแม่ มันก็สามารถลุกขึ้นยืน เดิน และวิ่งได้ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง หลังจากนั้นมันก็รู้ว่าแม่ของมันคือตัวไหนที่มันจะไปกินนม

ส่วนทารกมนุษย์เกิดมาในสภาพที่อ่อนแอกว่าลูกสัตว์ ถ้าคลอดมาแล้วถูกทิ้งไว้ ไม่มีแม่คอยอุ้มมาให้นม ทารกก็ไม่รอด กว่าจะเดินได้ต้องใช้เวลาเป็นปี กว่าจะได้รับความรู้ในการดำรงชีวิตก็ต้องผ่านการเรียนการสอนเป็นเวลาอีกนับสิบปี

นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมพระเจ้าผู้สร้างมนุษย์จึงประทานศาสนาแก่มนุษยชาติเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ศาสนาจึงมีบทบาทในการจัดระเบียบชีวิตมนุษย์มานับพันปีก่อนที่โลกนี้จะมีรัฐบาลหรือรัฐสภาออกกฎหมายจัดระเบียบสังคม

ศาสนามิใช่สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา แต่เป็นสิ่งที่มนุษย์ได้รับมาจากพระเจ้าผ่านทางบุคคลที่พระเจ้าคัดเลือกขึ้นมาทำหน้าที่นำคำสั่งสอนจากพระเจ้าไปบอกต่อแก่มนุษย์ บุคคลที่ทำหน้าที่นี้ในภาษาอาหรับเรียกว่า “นบี” หมายถึงผู้บอกข่าวจากพระเจ้าเพื่อตักเตือนมนุษย์ให้ละเว้นการทำความชั่วและกระทำความดี

นบีมุฮัมมัดกล่าวว่า ก่อนหน้าสมัยของท่านมีนบีเกิดขึ้นบนโลกนี้ตามชุมชนต่างๆทุกยุคทุกสมัยเป็นจำนวนถึง 124,000 คน นั่นหมายความว่ามนุษย์แทบทุกกลุ่มชนล้วนมีนบี นอกจากนี้แล้วนบีมุฮัมมัดยังบอกอีกว่า ในบรรดานบีนับแสนคนนี้มีนบี 313 คนได้รับคัมภีร์จากพระเจ้า นบีผู้ได้รับคัมภีร์นี้คือศาสนทูตของพระเจ้า หรือที่ในภาษาอาหรับเรียกว่า “รอซูลุลลอฮฺ” (Messenger of Allah)

คัมภีร์คือถ้อยคำของพระเจ้าที่นบีได้รับมาโดยตรงและถูกบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรบนวัตถุ เช่น ไม้ หนังสัตว์ กระดูกสัตว์ แผ่นหิน เป็นต้น คัมภีร์จากพระเจ้าจึงเป็นเสมือนกฎหมายที่ใช้ในการจัดระเบียบชีวิตส่วนตัวและสังคม ถ้านบีคนใดได้รับคัมภีร์และมีอำนาจในการปกครองชุมชน นบีผู้นั้นก็จะใช้คัมภีร์นั้นเป็นกฎหมาย เช่น โมเสสใช้โตราห์ปกครองลูกหลานอิสราเอล เป็นต้น

หลังจากนบีตายไป คำสั่งของพระเจ้าที่เป็นลายลักษณ์อักษรยังคงอยู่ ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนบีคนต่อๆมาจะใช้คัมภีร์นั้นต่อไป แต่เนื่องจากวัสดุที่ใช้บันทึกคัมภีร์ผุสลายหรือถูกทำลายไปตามกาลเวลา เมื่อเป็นเช่นนั้นในบางครั้งสังคมมนุษย์จึงเป็นเสมือนสังคมไร้กฎหมาย ผลที่ตามมาก็คือความวุ่นวายไร้ระเบียบ

ตัวอย่างเช่น หลังสมัยโมเสสแผ่นจารึกโตราห์ได้สูญหายไป พวกลูกหลานอิสราเอลจึงทำในสิ่งที่คัมภีร์โตราห์ห้ามไว้ นั่นคือการหล่อรูปวัวทองคำขึ้นมาบูชาสักการะแทนพระเจ้าและละเมิดศีลธรรมอย่างรุนแรง ดังนั้น พวกลูกหลานอิสราเอลจึงถูกพระเจ้าลงโทษให้ต้องเร่ร่อนอยู่ในทะเลทรายและถูกชนชาติอื่นๆกดขี่ข่มเหงอยู่เป็นเวลานาน จนกระทั่งพระเจ้าได้ส่งนบีดาวูด (หรือดาวิด) มาช่วย และประทานคัมภีร์อีกเล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า Psalms (ในภาษาอาหรับเรียกว่า “ษะบูรฺ”) แก่นบีดาวูดเพื่อนำมาใช้ปกครองพวกลูกหลานอิสราเอล

หลังสมัยนบีสุลัยมานหรือกษัตริย์โซโลมอน พวกลูกหลานอิสราเอลต้องสูญเสียอาณาจักรและคัมภีร์ของตนอีก ดังนั้น พระเจ้าจึงให้พระเยซูเกิดในหมู่ลูกหลานอิสราเอลเพื่อนำพระวรสารของพระเจ้ามาใช้ในการปกครองคนกลุ่มนี้ พระเยซูกล่าวชัดว่าท่านมิได้มาเพื่อยกเลิกธรรมบัญญัติเดิมของโมเสส แต่มาเพื่อยืนยันธรรมบัญญัติเดิม แต่เพราะกฎหมายของพระเจ้าขัดกับผลประโยชน์ของหัวหน้ากลุ่มลูกหลานอิสราเอลในเวลานั้น พระเยซูจึงถูกวางแผนกำจัด

หลังสมัยพระเยซูคำสอนของพระเจ้าถูกรวบรวมขึ้นมาใหม่พร้อมกับมีการแก้ไขและตีความผิดเพี้ยนไปจากเดิม ด้วยเหตุนี้พระเจ้าจึงประทานคัมภีร์กุรอานแก่นบีมุฮัมมัดเพื่อมนุษย์ทั้งหมด มิใช่เฉพาะพวกลูกหลานอิสราเอลเพียงกลุ่มเดียว ทั้งนี้ เพื่อยืนยันคำสอนที่แท้จริงของพระองค์ก่อนหน้านี้


You must be logged in to post a comment Login