วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567

อยู่ที่‘สปิริต’?

On January 23, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

เรื่องนาฬิกาหรูของ “บิ๊กป้อม” ที่ถูกเพิ่มแรงกดดันจากสื่อต่างประเทศหลายสำนัก หลายชาติจนกระทบต่อความน่าเชื่อถือ ขาดความสง่างาม หากจะเป็นตัวแทนรัฐไทยไปเจรจาเรื่องต่างๆกับต่างชาติในอนาคต ทำให้เกิดกระแสในทำนองว่า “บิ๊กป้อม” อาจแสดงสปิริตลาออกในเร็วๆนี้ แต่ความเชื่อที่ว่านี้ก็ยังไม่มีใครฟันธงได้ 100% ทำให้มีอีกกระแสกดดันไปที่นายกรัฐมนตรีว่าถึงเวลาต้องตัดสินใจเพื่อให้คณะรัฐมนตรีเป็นแบบอย่างที่ถูกต้องกับประชาชน จึงต้องดูกันต่อไปว่าระหว่างออกเองกับถูกเชิญออกอะไรจะเกิดขึ้นก่อนกัน หรือจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีความเคลื่อนไหวในเชิงความคืบหน้าเกี่ยวกับนาฬิกาหรูของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมออกมาอย่างน่าสนใจ

ความน่าสนใจแรกอยู่ที่การเปิดตัวเพื่อน “บิ๊กป้อม” ที่อ้างว่าเป็นผู้ให้ยืมนาฬิกาหรูมาใส่เพิ่มความเท่

สื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่าเจ้าของนาฬิกาหรูที่แท้จริงคือ  “เสี่ยคราม” นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์  เจ้าสัวคอมลิ้งค์ ซึ่งเป็นเพื่อนรักของ พล.อ.ประวิตร มาตั้งแต่เรียนชั้น ป.1 ที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล และคบหาสนิทสนมกันมาตลอดกว่า 60 ปี

ที่ต้องขีดเส้นใต้ตัวโตๆคือ “เสี่ยคราม” เสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2560

ความน่าสนใจที่สองคือ ในรุ่นเดียวกันและซี้ย่ำปึกกันยังมีชื่อของ “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลทหาร คสช.

ความน่าสนใจที่สามคือ “หม่อมอุ๋ย” ให้สัมภาษณ์กับ คมชัดลึก ออนไลน์ ระบุว่าอีกไม่นาน “บิ๊กป้อม” คงลาออกจากตำแหน่งเพราะทนกระแสสังคมไม่ไหว

“หม่อมอุ๋ย” เปรียบเปรยว่าถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวเองก็ต้องลาออก หากทำผิดกฎ ต้องแสดงสปิริต วันนี้ คสช.และรัฐบาล ก็สะเทือนแล้ว ในความรู้สึกของประชาชน

ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ “หม่อมอุ๋ย” ที่แม้จะได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกัน แต่ปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องการให้นาฬิกากันยืมใส่ และไม่รู้ด้วยว่า “เสี่ยคราม” เป็นนักสะสมนาฬิกาหรือไม่

โดยให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องวงในที่เข้าไม่ถึง

ประเด็นที่น่าสนใจที่ต้องหาคำตอบกันต่อไปคือ “เสี่ยคราม” ที่ว่าเป็นเจ้าของนาฬิกาทั้ง 20 กว่าเรือนที่ “บิ๊กป้อม” บอกว่ายืมเพื่อนมาใส่หรือไม่

ถ้า “เสี่ยคราม” เป็นเจ้าของแค่ส่วนหนึ่งแล้วส่วนที่เหลือเป็นของใคร

ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือหลัง “เสี่ยคราม” เสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ยังมีการหยิบยืมนาฬิกามาใส่อีกหรือไม่ หากยังมีใครเป็นผู้ให้หยิบยืม

ทั้งนี้ทราบว่าในคำชี้แจงที่ “บิ๊กป้อม” ส่งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ชี้แจงในทำนองนี้ จึงต้องดูว่าการเชิญบุตรของ “เสี่ยคราม” เข้าให้ข้อมูลจะยืนยันความเป็นเจ้าของนาฬิกาทั้งหมดที่ “บิ๊กป้อม” ยืมมาใส่หรือไม่

หากมองย้อนความน่าสนใจไปที่คำพูดของ “หม่อมอุ๋ย” ที่เชื่อว่าอีกไม่นาน “บิ๊กป้อม” จะลาออกเพราะทนต่อกระแสสังคมไม่ไหว

แม้ “บิ๊กป้อม” จะเผชิญต่อแรงกดดันมากขึ้นเมื่อสื่อต่างชาติหลายสำนัก หลายประเทศพากันเสนอข่าวเรื่องนี้ ซึ่งย่อมกระทบต่อความน่าเชื่อถือ ความสง่างาม หากจะเป็นตัวแทนรัฐไทยไปเจรจา หรือทำข้อตกลงเรื่องต่างๆในอนาคต

แต่เชื่อว่าลึกๆแล้ว “หม่อมอุ๋ย” ก็ไม่ได้มั่นใจ 100 % ว่า “บิ๊กป้อม” จะลาออก

เพราะถ้ามั่นใจในตอนท้ายของคำให้สัมภาษณ์คงไม่ระบุว่า

“อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ดู พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นตัวอย่าง สมัยท่านเป็นนายกรัฐมนตรี หาก รัฐมนตรีทำผิด ท่านจะดำเนินการ เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นตัวอย่างที่ถูกต้อง ของประชาชน”

ถ้ามั่นใจในสปิริตของเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง “บิ๊กป้อม” ก็คงไม่ฝากประโยคนี้ไปถึงพล.อ.ประยุทธ์


You must be logged in to post a comment Login