วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567

เสาหลักเริ่มผุพัง

On December 7, 2017

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

เรื่องนาฬิกาหรู และแหวนเพชรของ “บิ๊กป้อม” นอกจากจะท้าทายมาตรฐานการทำงานของป.ป.ช.ในฐานะองค์กรป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบแล้ว ยังบ่งชี้ถึงสถานะของ “บิ๊กป้อม” ในปัจจุบันที่เป็นเหมือนตำบลกระสุนตก เป็นสายล่อฟ้า แม้จะมีคนตั้งคำถาม ตั้งข้อสงสัยและกำลังจะถูกตรวจสอบ แต่ “บิ๊กป้อม” ก็ไม่ได้แสดงอาการหวั่นวิตกใดๆ และยืนยันว่าไม่ขอชี้แจงผ่านสื่อ แต่จะรอชี้แจงต่อป.ป.ช. เพราะมีหลักฐานพร้อมชี้แจงแล้ว แต่ภาพของ “บิ๊กป้อม” ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเป็นเสาหลักของรัฐบาลทหารคสช. เมื่อเสาหลักต้นนี้ก็กำลังถูกกัดกร่อนและเริ่มผุพังลงอย่างช้าๆ

เรื่องนาฬิกาหรูหลักล้านและแหวนเพชรของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ปรากฎในภาพถ่ายหมู่ ครม.ประยุทธ์ 5 กำลังท้าทายมาตรฐานการทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

ท้าทายเพราะหลายฝ่ายไปพลิกดูรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ “บิ๊กป้อม” ที่ยื่นแสดงต่อป.ป.ช.ตามกฎหมายไม่ปรากฎทรัพย์สินทั้งสองรายการ

ประเด็นคือการไม่แสดงรายการทรัพย์สินที่ถือครองหรือปกปิดทรัพย์สินเป็นความผิดตามกฎหมายป.ป.ช.

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย บอกว่าไม่เพียงนาฬิกาหรูและแหวนเพชรที่ปรากฎเป็นข่าว แต่ยังมีทรัพย์สินอื่น เช่น สร้อยคอ พระเครื่อง ที่มีมูลค่าเกินกว่า 200,000 บาท ที่ควรจะแจ้งการถือครองในบัญชีทรัพย์สินที่ต้องตามไปเปิดดูว่ามีการแจ้งเอาไว้หรือไม่

“ถ้าเข้าข่ายจงใจปกปิดบัญชี คงจะเป็นเหมือนกรณี นายเกษม นิมมลรัตน์ อดีตส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ต่างถูกศาลพิพากษา ฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน หนี้สิน อันเป็นเท็จ ทั้งนี้ป.ป.ช.สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้เลยไม่ต้องรอให้มีคนไปร้องให้สอบ ถ้าภายใน 2 สัปดาห์ยังไม่มีความคืบหน้าจะไปยื่นให้ป.ป.ช.ตรวจสอบ”

เช่นเดียวกับ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ที่ระบุเพื่อให้เรื่องนี้เกิดความชัดเจนจะใช้สิทธิยื่นให้ป.ป.ช.ตรวจสอบ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 234(1) (3) ประกอบมาตรา 195 บัญญัติให้ทำการไต่สวน หากพบความผิด ให้ดำเนินการตามกฎหมายสูงสุด เช่นเดียวกันกับหลายกรณีที่ ป.ป.ช.ได้วางบรรทัดฐานไว้แล้ว เช่น กรณีคดีซุกหุ้นนายทักษิณ ชินวัตร คดีเงินกู้ 45 ล้านบาท ของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ซึ่งกรณีนี้จะเป็นบทพิสูจน์อำนาจหน้าที่และการกระทำของ ป.ป.ช.ชุดนี้ว่า จะปฏิบัติหน้าที่ได้ดีในยุคปฏิรูปได้หรือไม่

อย่างไรก็ตามกรณีนี้อาจไม่จบแค่เรื่องการปกปิดบัญชีทรัพย์สิน เพราะหากตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ได้แจ้งรายการทรัพย์สินเอาไว้จริงป.ป.ช.ต้องยื่นฟ้องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินชี้ขาดเหมือนหลายกรณีที่ทำมาก่อนหน้านี้ และสุดท้ายหากศาลฯชี้ว่าผิดนอกจากจะต้องถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองแล้ว อาจถูกตรวจสอบขยายความไปถึงว่า “บิ๊กป้อม” ร่ำรวยผิดปรกติหรือไม่  ซึ่งต้องชี้แจงที่มาที่ไปของทรัพย์สินที่แสดงบัญชีไว้กว่า 87 ล้านบาทว่าได้มาอย่างไรในระหว่างที่รับราชการทหารมากกว่า 40 ปี และเป็นรัฐมนตรีมา 2 สมัย

ขณะที่ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ตั้งข้อสงสัยว่า นาฬิกา “ริชาร์ด มิลด์” RM 029 ที่ “บิ๊กป้อม” ใส่ระหว่างถ่ายภาพหมู่คณะรัฐมนตรี เป็นนาฬิกาหรูราคาแพงหลักหลายล้านบาทที่คนระดับซุปเปอร์สตาร์ซื้อใส่กัน ไม่น่าเชื่อว่าในครม.จะมีซุปตาร์ป้อม รวมอยู่ด้วย

“น่าคิดว่านาฬิกาหรูมูลค่าหลักล้านบาทไม่แสดงในบัญชีทรัพย์สินแต่รถยนต์มูลค่าหลักแสนบาทกลับแจ้งแสดงรายการไว้จะว่าหลงลืมก็ไม่น่าจะใช่ และน่าสนใจว่าทำไมการยื่นบัญชีทรัพย์สิน 2 ครั้งหลังระหว่างเป็นรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะปี 2551 กับยื่นบัญชีเมื่อเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบันปี 2557 พล.อ.ประวิตร มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นกว่า 30 ล้านบาท”

อย่างไรก็ตามแม้จะมีคนตั้งคำถาม ตั้งข้อสงสัย และกำลังจะถูกตรวจสอบ แต่ “บิ๊กป้อม” ก็ไม่ได้แสดงอาการหวั่นวิตกใดๆต่อกรณีนี้ โดยยืนยันว่าไม่ขอชี้แจงผ่านสื่อ แต่จะขอรอชี้แจงต่อป.ป.ช. ยืนยันว่ามีหลักฐานพร้อมชี้แจง

“ไม่รู้ ผมไม่ตอบ เพราะผมจะตอบกับทางป.ป.ช.เลย ผมไม่รู้จะตอบผู้สื่อข่าวไปทำไม ตอบไปก็จะเอาไปต่อความกันไปเรื่อยๆ ผมทำงานมาไม่เคยมีเรื่องทุจริต…ไม่ต้องระวังตัว เพราะไม่เห็นว่ามีอะไร… ผมไม่ท้อ ไม่เสียกำลังใจ ให้ว่ากันไปเลย”

กรณีของ “บิ๊กป้อม” ไม่ว่าจะใครจะตั้งคำถาม ตั้งข้อสังเกต วิพากษ์วิจารณ์อย่างไร คนที่จะให้คำตอบเรื่องนี้ไม่ใช่ทั้ง “บิ๊กป้อม” และคนที่สงสัยในที่มาของนาฬิกาและแหวนเพชร เพราะคนที่จะให้คำตอบสุดท้ายคือ ป.ป.ช. องค์กรที่มีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของรายการทรัพย์สินที่ยื่นแสดง ที่มาที่ไปของทรัพย์สิน

ไม่ว่าผลสรุปสุดท้ายจะออกมาอย่างไร แต่ชัดเจนว่าสถานะของ “บิ๊กป้อม” เป็นเหมือนตำบลกระสุนตก ไม่ต่างจากสายล่อฟ้า

ถ้า “บิ๊กป้อม” เป็นเสาหลักของรัฐบาลทหารคสช.เสาหลักต้นนี้ก็กำลังถูกกัดกร่อนและเริ่มผุพังลงอย่างช้าๆ


You must be logged in to post a comment Login