วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2567

พรรคทหารโผล่

On November 8, 2017

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

กระแสข่าวการก่อตั้งพรรคทหารที่จะใช้วิธีดูดอดีตส.ส.เข้าสังกัดให้มาก แม้จะทำได้แต่โอกาสชนะเลือกตั้งไม่ง่าย เพราะวิถีสังคมการเมืองไทยเปลี่ยนจากอดีตไปมาก ประชาชนไม่ได้ยึดติดกับตัวบุคคลที่ลงสมัครเท่านั้น แต่ได้หันไปพิจารณานโยบายและพรรคต้นสังกัดประกอบการตัดสินใจลงคะแนนด้วย แม้จะเขียนกติกาใหม่เพื่อทำให้คู่แข่งสำคัญอ่อนแอ แต่ไม่ง่ายที่จะคว้าชัยในสนามเลือกตั้ง ทั้งนี้ หากมีการตั้งพรรคทหารขึ้นจริง โอกาสมากสุดเป็นไปได้แค่ช่วงชิงเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคใหญ่เก่าแก่เท่านั้น

ข่าวการเตรียมจัดตั้งพรรคการเมืองสายเขียวเพื่อสืบสานภารกิจบริหารประเทศของรัฐบาลทหารคสช.ในนามพรรคพลังชาติไทยได้รับความสนใจจากหลายฝ่ายอยู่พอสมควร

เป็นความสนใจทั้งในฐานะผู้ห่วงใยที่ชี้ให้ดูบทเรียนจากนักปฏิวัติรุ่นพี่ เป็นความสนใจทั้งในฐานะที่จะมาเป็นคู่แข่งขันทางการเมือง และเป็นความสนใจทั้งในฐานะผู้ที่สนใจเหตุการณ์บ้านเมือง

ในมุมของนักการเมืองนั้นดูเหมือนว่าจะมีเสียงตอบรับดีพอสมควร เพราะมองว่าอย่างน้อยก็เป็นการเปิดหน้าเล่น และเสนอตัวลงแข่งขันตามกติกา ไม่ใช้ทางลัดเข้าสู่อำนาจ แถมหากได้อำนาจแล้วยังสามารถตรวจสอบได้

อย่างไรก็ตาม แม้ฝ่ายการเมืองจะให้การตอบรับและมองในแง่ดี แต่อีกใจหนึ่งก็คงอดหวั่นใจไม่ได้ เพราะพรรคสายเขียวที่จะถือกำเนิดขึ้นมานี้ย่อมส่งผลกระทบต่อพรรคการเมืองที่มีอยู่ไม่มากก็น้อย

การทำงานการเมืองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่ว่าอยากเป็นส.ส.ก็ได้เป็น เพราะทุกคะแนนเสียงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน กว่าจะได้เป็นส.ส.แต่ละครั้งนั้นเลือดตาแทบกระเด็น ต้องทำงานในพื้นที่ต่อเนื่อง ต้องให้ประชาชนเห็นหน้าเป็นประจำทั้งยามทุกข์และยามสุข ต้องสามารถให้หรือช่วยเหลือในสิ่งที่ประชาชนต้องการได้

แนวทางของพรรคสายเขียวที่จะตั้งขึ้นมาตามข่าวจึงเน้นไปที่การดูดอดีตส.ส.พรรคอื่นเข้ามาอยู่ในสังกัดให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อโอกาสในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง

ถ้าถามว่าแนวทางแบบนี้ของพรรคสายเขียวจะส่งผลกระทบต่อพรรคการเมืองใดมากที่สุด

หากดูตามสถิติในอดีตคำตอบคือพรรคการเมืองที่มีฐานคะแนนในภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ซึ่งก็คือพรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย เพราะพื้นที่เหล่านี้ประชาชนยึดติดตัวบุคคลที่ลงสมัครมากกว่าพรรคการเมืองที่สังกัด ต่างจากประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ที่ยึดติดกับพรรคการเมืองเป็นหลัก ไม่ให้น้ำหนักกับตัวบุคคลที่ลงสมัคร

แต่นั่นเป็นเรื่องในอดีต

ในปัจจุบันหากคณะรัฐประหารจะคิดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจโดยใช้วิธีตกปลาในบ่อเพื่อนอาจไม่ประสบความสำเร็จ เพราะสังคมไทยในช่วงกว่าทศวรรษที่ผ่านมาข่าวสารที่ได้รับทางตรงทำให้ประชาชนเปลี่ยนแนวความคิดไปจากเดิมค่อนข้างมาก

การยึดติดตัวบุคคลที่ลงสมัครรับเลือกตั้งอาจจะยังมีอยู่บ้าง แต่การเลือกโดยพิจารณาจากนโยบายและพรรคการเมืองที่สังกัดก็เริ่มมีมากขึ้นเช่นเดียวกัน

ไม่อย่างนั้นพรรคพลังประชาชนที่แปลงร่างมาจากพรรคไทยรักไทย หรือพรรคเพื่อไทยที่แปลงร่างมาจากพรรคพลังประชาชนคงไม่ชนะเลือกตั้งสองครั้งหลังสุดทั้งที่ถูกดูดอดีตส.ส.ไปจำนวนมาก และถูกกระทำเพื่อให้อ่อนแอในหลายวิธี

นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่าประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ อีสาน กลาง และตะวันออกไม่ได้ดูแค่ตัวบุคคลที่ลงสมัครเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม แม้ประชาชนจะมีทิศทางการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งต่างไปจากอดีต แต่ด้วยกติกาเลือกตั้งใหม่ วิธีการนับคะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ ก็อาจเป็นไปได้ที่พรรคสายเขียวจะเบียดขึ้นมาเป็นคู่แข่งกับพรรคเพื่อไทย

อย่างน้อยที่สุดจำนวนส.ส.ที่ได้ก็อาจเป็นตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง

จะเอาชนะพรรคเพื่อไทยในสนามเลือกตั้งอาจไม่ง่าย แต่ด้วยกติกาใหม่ ด้วยอำนาจที่มี และเสบียงที่สะสมไว้ หากมีพรรคสายเขียวเกิดขึ้นจริง โอกาสที่จะชิงเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนั้นมีความเป็นไปได้ค่อนข้างมาก

แต่เรื่องจะเอาใครเป็นนายกฯก็คงต้องไปตกลงกับพรรคใหญ่อีกพรรค เพราะหัวหน้าพรรคนั้นก็อยากแก้มือในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหารเช่นเดียวกัน โดยมีพรรคเล็กพรรคน้อยอื่นๆเป็นตัวแปร ใครดึงพรรคเล็กพรรคน้อยมาเป็นพวกได้ก็ได้เก้าอี้นายกฯไปครอง


You must be logged in to post a comment Login