วันพฤหัสที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

ผุพังทั้งระบบ

On October 20, 2017

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

การเปิดรับสมัครบุคคลชิงเก้าอี้ใน 2 องค์กรอิสระใหญ่อย่าง ป.ป.ช.และกกต.มีบรรยากาศเข้าขั้นว้าเหว่ ทั้งที่เป็นองค์กรใหญ่มีอำนาจมาก อาจเป็นไปได้ว่าความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา มีตัวอย่างมีบทเรียนให้เห็นมากมาย แม้จะเป็นการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา แต่ไม่พ้นถูกครหานินทาว่าเอียงข้าง หรือการทำหน้าที่ที่เห็นว่าเอียงข้างอย่างชัดเจน แต่หากเลือกเอียงข้างผิดก็จบเห่เอาได้ง่ายๆ ขนาดคนที่เลือกข้างถูกประกาศตัวชัดเจนว่า “ทำงานใหญ่ ใจต้องเอียง” แต่เมื่อหมดประโยชน์ยังถูกเขี่ยพ้นเส้นทางอำนาจ เมื่อการเข้าทำหน้าที่ในองค์กรอิสระเหมือนมีชีวิตแขวนบนเส้นด้าย ความขัดแย้งในบ้านเมืองจึงกลายเป็นอุปสรรคสำคัญทำให้คนกลางๆที่เป็นคนดีไม่อยากเข้ามายุ่งกับการเมือง ไม่ว่าจะในสถานะหรือหน้าที่ใด ต่อไปจะเหลือแต่คนเลือกข้างทำงานชัดเจนขึ้น

เงียบเหงาผิดคาดกับการเปิดรับสมัครบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และเข้าดำรงตำแหน่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

ในส่วนตำแหน่งเลขาธิการ ป.ป.ช.นั้น เปิดรับสมัครมาตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา มีกำหนดสิ้นสุดรับสมัครในวันที่ 24 ตุลาคมที่จะถึงนี้ จนถึงตอนนี้มีผู้ยื่นใบสมัครชิงตำแหน่งแค่คนเดียว คือ นายวรวิทย์ สุขบุญ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ ป.ป.ช.อยู่

ทั้งที่คณะกรรมการคัดเลือกบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งเลขาธิการป.ป.ช.ได้ตีปี๊บทำการประชาสัมพันธ์อย่างเต็มที่ด้วยการส่งสารไปยังหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง องค์กรศาล และองค์กรอิสระต่างๆ เพื่อชักชวนให้คนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามข้อกำหนดมาสมัครแข่งขันชิงตำแหน่งเลขาธิการป.ป.ช.แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรจะเป็น

ทั้งที่มีผู้มีคุณสมบัติที่จะสมัครเป็นเลขาธิการป.ป.ช.ได้อยู่เป็นจำนวนมาก คือข้าราชการระดับ 10 ขึ้นไป ผู้อำนวยการที่มีระดับ 10 และอาจารย์มหาวิทยาลัยระดับศาสตราจารย์

การที่ไม่มีผู้ยื่นสมัครชิงตำแหน่งอาจทำให้นายวรวิทย์ ซึ่งเป็นผู้สมัครรายเดียวในตอนนี้นอนมาพร้อมกับคำครหาว่า “ล็อกสเปก”

อย่างไรก็ตาม หากเปิดแฟ้มย้อนหลังดูการสมัครชิงตำแหน่งเลขาธิการป.ป.ช.ก็มักมีคนเข้าแข่งขันไม่มาก และคนที่ได้เก้าอี้นี้ส่วนมากก็มักเป็นลูกหม้อของป.ป.ช.เองเป็นส่วนใหญ่

ทำไมงานป้องกันปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบอันเป็นงานที่จะทำให้ประเทศไทยใสสะอาดไม่มีใครสนใจก็น่าคิด

ยังมีเวลาถึงวันที่ 24 ตุลาคม ใครที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามสเปกที่กำหนด หากอยากเห็นประเทศไทยใสสะอาดน่าจะลองไปสมัคร เพราะคู่แข่งมีน้อย

อีกเวทีคือการรับสมัครบุคคลเข้าเป็นกกต.ทำหน้าที่จัดและควบคุมการเลือกตั้ง ซึ่งเปิดรับสมัครเมื่อวาน (19 ต.ค.) เป็นวันแรก ทั้งที่ห้องโถงอาคารรัฐสภา และอาคารสุขประพฤติ ถนนประชาชื่น บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา

ในส่วนของกกต.คุณสมบัติผู้สมัครอาจจะมีสเปกสูงกว่าเลขาธิการป.ป.ช. ยกตัวอย่างเช่น สายภาคประชาสังคมที่ต้องการสมัครเป็นกกต.ต้องทำงานมาอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 20 ปีในกิจกรรมต่างๆ อาทิ การพัฒนาประชาธิปไตย การมีส่วนร่วมทางการเมืองการต่อต้านการทุจริต และการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ

แม้การเปิดรับสมัครวันแรกจะเงียบเหงา แต่ยังมีเวลาถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน กว่าจะปิดรับสมัครอาจมีผู้สนใจเสนอตัวเข้าชิงตำแหน่งจำนวนมากก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสนใจว่าความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีตัวอย่าง มีบทเรียนให้เห็นมากมายของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการทำหน้าที่ แม้จะเป็นการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา แต่ไม่พ้นถูกครหานินทาว่าเอียงข้าง หรือการทำหน้าที่ที่เห็นว่าเอียงข้างอย่างชัดเจน แต่หากเลือกเอียงข้างผิดก็จบเห่เอาได้ง่ายๆ

แม้คนที่เลือกข้างถูกประเภทประกาศตัวชัดเจนว่า “ทำงานใหญ่ ใจต้องเอียง” แต่เมื่อหมดประโยชน์แล้วก็ถูกเขี่ยพ้นเส้นทางอำนาจเอาได้ง่ายๆ

เมื่อการเข้าทำหน้าที่ในองค์กรอิสระต่างๆเหมือนมีชีวิตแขวนบนเส้นด้าย จะต้องเจออะไรบ้างจากการทำหน้าที่ไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ จึงไม่มีใครอยากเอาชีวิตมาเสี่ยง

ความขัดแย้งในบ้านเมืองกลายเป็นอุปสรรคสำคัญทำให้คนกลางๆที่เป็นคนดีไม่อยากเข้ามายุ่งกับการเมือง ไม่ว่าจะในสถานะหรือหน้าที่ใด


You must be logged in to post a comment Login