วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2567

คนจนเก๊? / โดย พระพยอม กัลยาโณ

On September 6, 2017

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

“คนยากจน” กับ “คนอยากจน” มีความแตกต่างกันคือที่ความอยากความต้องการ ทำให้มีคนเก๊ๆ เช่น ดอกเตอร์เก๊ คนจนเก๊ ไม่น่าเชื่อว่าคนระดับปริญญาโท ระดับดอกเตอร์จะไปลงชื่อเป็นคนจนหรือมีรายได้น้อย เพื่อจะได้รับเบี้ยเลี้ยงดู ทั้งที่อายุก็ไม่ได้มากนัก ที่สำคัญคือมีวุฒิเป็นถึงดอกเตอร์หรือปริญญาโท ทั้งที่รู้ว่ารัฐบาลให้โอกาสคนจนที่มีรายได้ต่ำกว่าแสน

จึงเห็นว่าเมืองไทยเรานี่มีคนที่มีอารมณ์อยาก อารมณ์ต้องการเหนือเหตุผลได้ทั้งนั้น ทั้งที่เขาก็ระบุชัดเจนในตอนลงทะเบียนว่า ต้องเป็นคนจนที่มีรายได้ต่ำกว่า 50,000 บาทต่อปีจึงจะได้เงินเลี้ยงชีพจากรัฐ คนที่มีฐานะจึงถูกเพิกถอนจำนวนมาก ไม่ว่าจะทะเบียนเก๊หรือจนเก๊

ทำให้อาตมานึกถึงวันที่ไปมีเรื่องกับคนหนึ่งที่ขายที่ได้เงินเป็นร้อยล้าน มีที่ดินที่เหลือเพื่อให้เป็นทางเข้าวัดนิดเดียวนั้นยังบอกว่า “เขายังจนน่ะหลวงพ่อ” มีเงินเป็นร้อยล้านยังจนนี่ก็ไม่รู้ว่าจะว่ากันยังไงแล้ว

นี่ก็เหมือนกันกรณีที่รัฐบาลให้ลงทะเบียนคนจน ยังมีจนเก๊ จนปลอม ไม่ยากจนจริง แต่มันอยากจนเพื่ออยากได้เงินเล็กๆน้อยๆ ทำให้มองเห็นพื้นฐานสันดานหรือนิสัยความอยากได้ ทั้งที่ไม่ควรจะไปรับประโยชน์ที่คนอื่นเขาพึงจะได้ ตัวเองไม่มีสิทธิจะได้ เพราะรัฐบาลต้องเกณฑ์แล้วว่า ถ้าให้สวัสดิการคนทุกคนทั้งประเทศ เดี๋ยวก็จะเหมือนการรับจำนำข้าวทุกเม็ดให้ราคาตันละหมื่นห้าหมด ข้าวเกรดต่ำคุณภาพต่ำก็ให้หมื่นห้า สุดท้ายก็คงลำบาก รัฐบาลจึงต้องดูว่าคนไหนควรให้ คนที่ไม่ควรได้ก็อย่าเข้าไปแทรกแซง

ดีนะที่ตอนนี้รัฐบาลก็ออกกฎหมายคาดโทษไว้ว่า ถ้ารวยเก๊อย่างเป็นดอกเตอร์แล้วมาแกล้งจนอย่างนี้ ก็จะมีมาตรการลงโทษ ดีไม่ดีอาจติดคุกด้วย เพื่อกำราบจนเก๊ ไม่จนจริง จนเก๊ก็จะเจ็บล่ะ อาจโดนจับติดคุก เจ็บฟรีแล้วเงินก็ไม่ได้ด้วย แถมยังอาจโดนปรับเงินอีก เพราะฉะนั้นอยากได้ของฟรีก็ระวังจะกลายเป็นเสียฟรี จึงควรได้ในสิ่งที่ควรจริงๆ เปิดโอกาสให้คนยากจนไปเถอะ อย่าไปแย่งคนจนเลย มันเป็นเรื่องไม่เหมาะไม่ควรไม่งามเลย

ก็หวังว่ารัฐบาลจะมีการแยกแยะได้ถูกฝาถูกตัว อย่าผิดฝาผิดตัวจนมั่วไปหมด ถ้าลงทะเบียนมั่วไปหมด ไม่ได้กลั่นกรองให้ชัดเจน เงินในคลังไม่ช้าก็หมด การจะเอาเงินคลังมาจ่ายมาใช้ ก็ต้องมีนโยบายควบคุมดูแลและคัดกรองให้ถูกต้อง  ไม่ใช่กลายเป็นการ “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ” ให้นึกถึงคำนี้ไว้ว่า อย่าเอาเงินประเทศไป “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ”

ให้คนจนที่เขายากลำบากจริงๆ ไม่ใช่ให้เฉพาะคนแก่ อย่างข่าวที่อยุธยา แม่มีลูก 3 คน พ่อแม่ต้องไปทำงาน จึงต้องขังลูกไว้ในบ้าน ลูกคนเล็กเพิ่งจะอายุขวบหนึ่ง พี่ 4 ขวบก็ต้องเลี้ยงน้อง น้องก็ร้องงอแงจนชาวบ้านสงสาร แบบนี้รัฐบาลควรจะไปช่วยเหลือดูแล ไม่ใช่ให้พวกดอกเตอร์เก๊ที่ไม่รู้จักโต รวยแล้วไม่รู้จักรวย อาจจะซวยซะเปล่าๆ

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login