วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567

อาหารสำหรับจักรพรรดิ / โดย ภูริวรรณ วรานุสาสน์

On August 28, 2017

คอลัมน์ : China Today

ผู้เขียน : ภูริวรรณ วรานุสาสน์

สำหรับชาวจีนแล้ว ถือว่า “อาหารถือเป็นสิ่งสำคัญ” ดังนั้นการจัดการอาหารแต่ละมื้อจึงถือเป็นเรื่องสำคัญ รวมไปถึงการให้ความสำคัญบนโต๊ะอาหารอีกด้วย ซึ่งนักประวัติศาสตร์ทุกคนต่างลงความเห็นเหมือนกันว่า โต๊ะจีนที่ยิ่งใหญ่และมีความสำคัญมากที่สุดในประวัติศาสตร์จีนห้าพันปีก็คือ การเฉลิมฉลองพระชนมายุครบ 80 พรรษา ของจักรพรรดิเฉียนหลง เมื่อปี ค.ศ.1791

จักรพรรดิเฉียนหลงถือเป็นจักรพรรดิองค์ที่สี่แห่งราชวงศ์ชิง (ค.ศ.1644-1911) พระองค์ทรงเป็นจักรพรรดิที่มีพระปรีชาสามารถเป็นที่ยิ่ง แต่ในปี ค.ศ.1795 พระองค์กลับสละราชสมบัติและดำรงชีวิตที่เหลืออย่างสงบสุข

ปีค.ศ.1791 ขณะพระองค์ยังทรงครองราชสมบัติอยู่ งานฉลองพระชนมายุของพระองค์จึงเป็นงานใหญ่ระดับประเทศและกินเวลาหลายวันมีการหยุดงานราชการทั้งหมดเพื่อให้ทุกคนได้เฉลิมฉลองกันอย่างเต็มที่ ในพระราชวังของพระองค์ต่างประดับประดาไปด้วยโคมไฟและธงต่างๆ ถนนจากตัวพระราชวังไปถึงพระราชวังฤดูร้อน ที่มีระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร ช่วงระยะเวลาของการเฉลิมฉลองนั้น ทั่วทั้งเขตพระราชฐานจะได้ยินแต่เสียงสวดมนต์ถวายพระพรแก่จักรพรรดิ เสียงเพลงที่บรรเลงแต่เพลงรื่นเริง มเหสี นางสนม เชื้อพระวงศ์และขุนนางใหญ่น้อย ต่างแต่งกายที่สวยงามที่สุด ทุกอย่างดูมีชีวิตชีวาตลอดวัน ตลอดคืน และแน่นอนว่า อาหารสำหรับพิธีอันยิ่งใหญ่นี้ ย่อมต้องยิ่งใหญ่ไม่น้อยเช่นกัน

โต๊ะจีนเฉลิมฉลองนี้ จะเริ่มขึ้นทันทีที่องค์จักรพรรดิเสด็จลงมาถึงที่ประทับ อาหารจำนวน 129 รายการก็จะพร้อมออกมาบริการ รายการอาหารทั้งหมดแบ่งได้เป็นสุรา 40 ชนิด อาหารเรียกน้ำย่อย 4 ชนิด อาหารหลัก 20 ชนิด อาหารต้ม 4 ชนิด ผลไม้แห้ง 28 ประเภท และอาหารที่ทำจากแป้งอีก 29 ชนิด

ภาชนะสำหรับรับประทานอาหารนั้นจะทำมาจากทองแดงและประดับด้วยฝาทองคำ เครื่องเสวยของจักรพรรดิจะทำมาจากสิ่งของล้ำค่าต่างๆ เช่น ช้อนทำมาจากไม้หอม ตะเกียบทำมาจากงาช้างประดับด้วยทองคำ

งานเลี้ยงโต๊ะจีนนี้มีชื่อว่า “การฉลองแมนจู-ฮั่น” ซึ่งการเลี้ยงโต๊ะจีนในวังนั้น จะประกอบด้วยรายการอาหารเพียง 108 รายการ แต่เนื่องจากการต้องการเฉลิมฉลองเป็นพิเศษ ดังนั้นรายการอาหารจึงเพิ่มมาเป็น 129 รายการ ซึ่งอาหารที่นำมาทำนี้ จะเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อของแต่ละสถานที่ทั่วประเทศและแต่ละรายการก็จะต้องมีชื่อเรียกที่เป็นมงคล

ในสมัยราชวงศ์หยวน (ค.ศ.1279-1368) ราชวงศ์ที่ปกครองด้วยชาวมองโกล ประเทศจีนได้รับอิทธิพลจากชาวต่างชาติและชนเผ่าต่างๆอย่างมาก ทำให้อาหารในสมัยราชวงศ์หยวนนี้จึงมีความหลากหลายอย่างมาก แต่อาหารทุกประเทศที่เลือกเข้ามาในราชสำนักจะต้องเป็นอาหารชั้นเลิศที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเท่านั้น

อาหารที่ขึ้นชื่อของชาวมองโกลและราชวงศ์หยวนก็คือ “สมบัติแปดประการ” ได้แก่อาหารทะเลหายาก 8 ชนิด และยังมีลูกแกะย่างทั้งตัว ซึ่งจะมีเทคนิคการย่างที่เป็นเอกลักษณ์

ต่อมาในสมัยราชวงศ์หมิง (ค.ศ.1368-1644) ทางการได้มีการส่งเจิ้งเหอหรือที่ชาวไทยเรารู้จักกันในนาม ท่านซำปอกง ได้เดินทางไปยังประเทศต่างๆ ดังนั้นชาวจีนจึงเริ่มได้รับอิทธิพลอาหารตะวันตกเข้ามา โดยเฉพาะอาหารประเภทเส้น

อาหารที่ขึ้นชื่อในสมัยราชวงศ์หมิงได้แก่ “โต๊ะแปดเซียน” คือการจัดโต๊ะอาหารที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสและมีที่นั่งทั้งสิ้น 8 ที่ ซึ่งแต่ละที่จะมีสัญลักษณ์พิเศษติดไว้ แต่เก้าอี้ที่มีไว้สำหรับแขกที่พิเศษที่สุดคือ เก้าอี้ทางตะวันตกเฉียงใต้ที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก จากนั้นก็จะเรียงลำดับอาวุโสและตำแหน่งจากมากไปสู่น้อย

ปัจจุบันนี้ ถ้าใครมีโอกาสได้รับเชิญไปงานเลี้ยงโต๊ะจีนก็จะได้พบกับอาหารจานแรกที่เป็นของเย็น 8 ชนิด อันได้แก่ เนื้อไก่ ไข่เยี่ยวม้า ถั่ว กุ้งและผักต่างๆ จากนั้นก็จะเป็นอาหารหลัก 8 รายการ ซึ่งที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ ปลา เพื่ออวยพรให้มีความสุข อาหารประเภทข้าวจะเสิร์ฟช่วงกลางของงาน ส่วน “ต้ม” นั้น จะมาในช่วงปลายของเมนู เนื่องจากชาวจีนเชื่อว่า อาหารประเภทต้มนั้น จะช่วยล้างคอและช่วยระบบย่อยอาหาร จากนั้นก็จะปิดท้ายด้วยของหวานหรือผลไม้


You must be logged in to post a comment Login