วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2567

โสมแดงล้มแผนโจมตี‘กวม’

On August 17, 2017

ในที่สุด นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ก็ออกลูก “ชิ่ง” ระงับแผนยิงขีปนาวุธ “โจมตี” เกาะกวม ที่ตั้งฐานทัพของสหรัฐ หลังจากขู่ทำให้ชาวโลกตื่นตระหนกพักใหญ่หวั่นเกิดสงคราม

คิม จองอึน ปรากฏตัวผ่านสื่อล่าสุด เป็นภาพนั่งพิจารณาแผนที่ระบุวิถีที่จะยิงขีปนาวุธไปยังเกาะกวม

ขณะสำนักข่าวทางการของเกาหลีเหนือ (KCNA) รายงานว่า ผู้นำโสมแดง ประกาศระงับแผนยิงขีปนาวุธไว้ชั่วคราว เพื่อรอดูท่าทีของสหรัฐ ก่อนเดินแผนรับมือต่อไป

คิม จองอึน เปิดเผยท่าทีผ่าน KCNA ว่า เกาหลีเหนือจะตอบโต้ด้วยอาวุธทันที ถ้าถูกสหรัฐลงมือทดสอบศักยภาพของตน

นักวิเคราะห์ตีความคำพูดดังกล่าวว่า เกาหลีเหนือจะตอบโต้ด้วยอาวุธ ต่อเมื่อถูกโจมตีก่อน เช่นเดียวกับสหรัฐที่ระบุว่า “จะตอบโต้อย่างไม่ปรานี” หากถูกโสมแดงโจมตีก่อน

ด้านประธานาธิบดีมูน เจอิน แห่งเกาหลีใต้ ประกาศในวันเดียวกันว่า จะใช้มาตรการทุกอย่างป้องกันไม่ให้เกิดสงครามในคาบสมุทรเกาหลี ระบุการตัดสินใจใช้กำลังทหารในคาบสมุทรเกาหลี เป็นอำนาจของเกาหลีใต้เพียงประเทศเดียว ชาติอื่นไม่มีสิทธิดำเนินการ

ผู้นำโสมขาวย้ำว่า ความขัดแย้งครั้งนี้ ต้องแก้ด้วยสันติวิธีเท่านั้น

ท่าทีของ 2 ฝ่ายที่ผ่อนคลายลง ทำให้หลายฝ่ายคาดหวังว่า จะนำไปสู่การเปิดเจรจาแก้ปัญหาความขัดแย้ง

อย่างไรก็ตาม สหรัฐยังคงยึดเงื่อนไขเดิม โดยนายเรกซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ระบุว่า สหรัฐพร้อมเปิดเจรจา หากเกาหลีเหนือยุติทดลองขีปนาวุธ และแสดงเจตนาต้องการแก้ปัญหาอย่างแท้จริง

ด้านฮีเธอร์ เนิร์ท โฆษกหญิงกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ แถลงว่า เกาหลีเหนือต้องแสดงความจริงใจจะยุบเลิกโครงการพัฒนาขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ ทางสหรัฐจึงจะยอมเจรจาด้วย เฉพาะการระงับแผนยิงขีปนาวุธสู่เกาะกวม ถือว่ายังไม่เพียงพอ

แม้ความตึงเครียดจะคลี่คลายลง แต่หลายฝ่ายเชื่อว่า เกาหลีเหนือไม่ยอมทิ้งโครงการพัฒนาขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์

ศาสตราจารย์คิม ดงยุบ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหาร มหาวิทยาลัยคยุงนำ (KyungnamUniversity) แห่งเกาหลีใต้ ระบุว่า ผู้ที่ติดตามเกาหลีเหนือต่อเนื่อง จะรู้ถึงพฤติกรรมของประเทศนี้ดี ยืนยันเกาหลีเหนือไม่มีถอยหลังด้านการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์แน่นอน

การประกาศจุดยืนล่าสุดของเกาหลีเหนือเอง ก็สอดคล้องกับมุมมองของคิม ดงยุบ

โดยสรุปแล้ว อุณหภูมิของเรื่องนี้ “เย็น” ลงระดับหนึ่ง แต่แฝงด้วยความไม่แน่นอน

ทำให้สถานการณ์ยังคงคลุมเครือ ยังไม่มีตัวบ่งชี้ชัดเจนว่า อุณหภูมิจะเย็นลง กระทั่งเข้าสู่ภาวะปรกติหรือไม่


You must be logged in to post a comment Login