วันพฤหัสที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2567

โรคแพ้อากาศ / โดย นพ.อนัญญ์ เพฑวณิช

On August 14, 2017

คอลัมน์ : พบหมอศิริราช

ผู้เขียน : นพ.อนัญญ์ เพฑวณิช

ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนตก เดากันไม่ถูก เพราะฉะนั้นไม่ต้องสงสัยถ้าจะหยิบยกโรคแพ้อากาศมาบอกกัน ถ้าเราปฏิบัติตนอย่างถูกต้องและเหมาะสม โรคแพ้อากาศก็จะกลายเป็นเรื่องเล็ก และยังสามารถป้องกันไม่ให้การติดเชื้อนั้นลามออกไปหรือมีผลแทรกซ้อนด้วย

การที่อากาศเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดการแพ้อากาศ เพราะจะมีปัญหาเรื่องการปรับตัวของเยื่อบุจมูกคือ จมูกจะไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอากาศ ปรับตัวไม่ค่อยได้ ไม่ว่าจะเป็นอากาศร้อนหรือเย็น ความชื้นของอากาศ ตลอดจนกลิ่นฉุน สิ่งระคายเคืองต่างๆ จึงมักเรียกกันว่าโรคแพ้อากาศ โรคนี้พบได้ทุกเพศทุกวัย พบประมาณร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด ซึ่งผู้ป่วยประมาณร้อยละ 70 จะมีอาการก่อนอายุ 30 ปี

อาการเบื้องต้นของการแพ้อากาศ  ผู้ป่วยจะมีอาการจาม คัดจมูก น้ำมูกไหล คันจมูก ชอบขยี้จมูกจนเกิดรอยบริเวณสันจมูก มีเสมหะในคอ เลือดกำเดาไหลบ่อย และอาจพบอาการคันตา แสบตา น้ำมูกไหล คันหู หูอื้อได้ ผู้ป่วยมักมีอาการดังกล่าวเวลาสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ และความชื้นในอากาศ

เราต้องสังเกตอาการกันหน่อย เพราะโรคแพ้อากาศจะคล้ายกับไข้หวัด กล่าวคือ อาการของไข้หวัดจะมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ช่วงแรกจะใส ต่อมาจะข้น ระยะเวลาเป็นนาน 3-10 วัน มีไข้หรือไม่มีก็ได้ มีจามบ้างโดยไม่มีอาการคันจมูก ส่วนโรคแพ้อากาศจะมีอาการคันจมูก ร่วมกับน้ำมูกใสๆ มีอาการคันตา น้ำตาไหล ไม่มีไข้ ส่วนมากมักจะมีอาการมากกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป

ผู้ป่วยควรพบแพทย์เมื่ออาการเข้าได้กับโรคแพ้อากาศดังที่กล่าวมาแล้ว หรือไม่แน่ใจว่าเป็นโรคแพ้อากาศหรือไม่ เมื่อไปพบแพทย์นอกจากการซักประวัติและตรวจร่างกายแล้ว การตรวจที่ช่วยยืนยันว่าเป็นโรคแพ้อากาศหรือไม่ และแพ้อะไรบ้าง คือการทดสอบทางผิวหนังและการตรวจเลือด ซึ่งการตรวจเลือดมีค่าใช้จ่ายสูง และไม่ทราบผลทันที ปัจจุบันนิยมใช้การตรวจทางผิวหนังเป็นหลัก ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถหลีกเลี่ยงจากสารก่อภูมิแพ้

ถ้าผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องอาจมีภาวะแทรกซ้อนจากโรคอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีโรคที่พบร่วมกับโรคแพ้อากาศ ได้แก่ หูชั้นกลางอักเสบ น้ำคั่งในหูชั้นกลาง โรคหืดหอบ เจ็บคอ ไอเรื้อรัง ไซนัสอักเสบ ริดสีดวงจมูก การกรน รวมทั้งภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับอีกด้วย

หลักการรักษาในปัจจุบันจะมี 3 ลักษณะคือ การกำจัดและหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้และการดูแลรักษาสุขภาพตนเอง ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด การรักษาด้วยยากินและยาพ่นจมูก นอกจากนี้ยังมีการฉีดวัคซีน สำหรับระยะเวลาในการรักษาไม่สามารถบอกได้ชัดเจน ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวของผู้ป่วยว่าสามารถหลีกเลี่ยง ป้องกัน และดูแลได้มากน้อยแค่ไหน หากจำเป็นต้องใช้ยาพ่นจมูก ซึ่งสามารถช่วยลดอาการได้ โดยส่วนมากใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือน หรือฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ใช้เวลา 3-5 ปี แล้วแต่บุคคล โรคแพ้อากาศสามารถรักษาให้หายได้ แต่ก็มีโอกาสกลับมาเป็นอีก ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวของผู้ป่วยและความแข็งแรงสมบูรณ์ของร่างกาย

การป้องกันโรคแพ้อากาศต้องอาศัยความร่วมมือทั้งผู้ป่วยและแพทย์ในการติดตามดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ การดูแลตนเองของผู้ป่วยและดูแลสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมจะช่วยทำให้อาการของโรคทุเลาลงมากจนไม่มีอาการเลย ผู้ที่เป็นโรคแพ้อากาศสามารถดำรงชีวิตได้ตามปรกติ และอยู่ร่วมในสิ่งแวดล้อมเดียวกับผู้อื่นได้ถ้าสามารถปฏิบัติตัวดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น


You must be logged in to post a comment Login