วันพฤหัสที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

เกินหนึ่งได้ แต่ไม่เกินสี่ / โดย บรรจง บินกาซัน

On August 7, 2017

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

ทั้งๆที่ศาสนามีความสำคัญต่อชีวิต แต่เพราะศาสนามิได้ถูกนำมาสอนในโรงเรียนเพื่อเป็นกฎกติกาในการดำเนินชีวิต เด็กที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่จึงไม่มีความรู้ทางศาสนา แม้แต่ความหมายของชื่อศาสนาที่ตัวเองนับถืออยู่ศาสนิกส่วนใหญ่ยังไม่รู้ เมื่อไม่รู้แม้แต่ศาสนาของตัวเอง การจะรู้หรือเข้าใจศาสนาอื่นๆก็เป็นเรื่องยาก ยิ่งเมื่อรับการศึกษาแบบตะวันตกที่ปฏิเสธศาสนา คนรุ่นใหม่จึงมองศาสนาของตัวเองและของคนอื่นผ่านแว่นของชาวตะวันตก

คนส่วนใหญ่มักเข้าใจอิสลามว่าเป็นศาสนาที่ไม่กินหมูและมีเมียได้ 4 คน ความเข้าใจเช่นนี้เป็นสิ่งที่ส่อให้เห็นถึงความเข้าใจอย่างผิวเผิน หมูเป็นสิ่งต้องห้ามเช่นเดียวกับสิ่งมึนเมา และข้อห้ามนี้มีปรากฏอยู่ในคัมภีร์ไบเบิล อิสลามถูกส่งมายืนยันข้อห้ามที่มีอยู่ในคัมภีร์ก่อนหน้านี้ เช่นเดียวกับที่พระเยซูยืนยันว่าท่านไม่ได้มาล้มเลิกธรรมบัญญัติเดิมที่โมเสสนำมา ท่านมาเพื่อยืนยันธรรมบัญญัติเดิม แต่เพราะตะวันตกปฏิเสธศาสนาและคนไทยมองศาสนาผ่านแว่นของตะวันตก คนไทยจึงเข้าใจศาสนาของตัวเองและของคนอื่นอย่างผิดๆ

การที่อิสลามอนุญาตให้ผู้ชายมีภรรยามากกว่า 1 คน และการที่นบีมุฮัมมัดมีภรรยาหลายคนก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ชาวตะวันตกมองว่าเป็นการกดขี่ทางเพศ คนที่มีทรรศนะเช่นนี้จัดได้ว่าเป็นผู้ไม่ได้ศึกษาคำสอนของอิสลามอย่างถี่ถ้วน

เรารู้จากคัมภีร์ไบเบิลว่า อับราฮัม บรรพบุรุษแห่งความศรัทธาของชาวยิว ชาวคริสเตียน และชาวมุสลิม มีภรรยา 3 คน ถ้าอับราฮัมไม่มีภรรยาหลายคนและไม่มีลูกที่เกิดจากภรรยาเหล่านั้น ศาสนาทั้งสามก็คงไม่แพร่หลายสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ยาโกบเองก็มีภรรยา 4 คน และลูกหลานของยาโกบก็มีหลายคนที่พระเจ้าคัดเลือกขึ้นมาเป็นนบีผู้ประกาศศาสนาของพระเจ้า

การมีภรรยาหลายคนเป็นสิ่งจำเป็นในบางสถานการณ์ เช่น กษัตริย์ในอดีตมีภรรยาหลายคนเพื่อมีลูกหลานไว้ค้ำบัลลังก์หรือสืบทอดอำนาจ ข้าราชบริพารก็เต็มใจยกลูกสาวของตัวเองให้แต่งงานกับผู้มีอำนาจเพื่อผลดีแก่ตัวเองและลูกสาว

ในทะเลทราย การที่ผู้หญิงดำรงตนเป็นโสดอยู่ตามลำพังท่ามกลางชนเผ่าที่ป่าเถื่อนโดยไม่มีผู้คุ้มครองดูแลถือเป็นอันตรายสำหรับตัวผู้หญิงเอง ดังนั้น ผู้หญิงจึงถือเป็นเรื่องปรกติธรรมดาที่ตัวเองจะเป็นภรรยาคนที่เท่าไรของผู้ชายคนใดก็ได้เพื่อแลกกับการดูแลและการคุ้มครอง ดังนั้น ผู้ชายจึงมีภรรยาโดยไม่จำกัดจำนวน

เมื่ออิสลามปรากฏขึ้นในทะเลทรายอาหรับ มีสงครามเกิดขึ้นหลายครั้งระหว่างมุสลิมและผู้ที่ต่อต้านอิสลาม การสู้รบทำให้ผู้ชายตายเป็นจำนวนมาก แต่สิ่งที่มีมากไปกว่าผู้ชายที่ตายในสนามรบก็คือ เด็กหญิงกำพร้าและแม่ม่ายของทั้งสองฝ่าย ผู้หญิงเหล่านี้จึงตกเป็นเป้าสายตาของผู้ชาย แต่เพื่อไม่ให้เด็กหญิงกำพร้าและแม่ม่ายต้องตกเป็นนางบำเรอ และเพื่อยกสถานะของผู้หญิงเหล่านี้ให้สูงขึ้น ท่านนบีมุฮัมมัดจึงสนับสนุนบรรดาสาวกของท่านแต่งงานกับผู้หญิงเหล่านี้ได้เกินกว่า 1 คน

เมื่อเป็นเช่นนี้จึงมีผู้ชายบางคนต้องการจะแต่งงานกับเด็กหญิงกำพร้าหน้าตาสวยและรวยทรัพย์โดยให้สินสอดน้อยกว่าที่เด็กผู้หญิงทั่วไปได้รับ ด้วยเหตุนี้คำบัญชาเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานกับหญิงเกินกว่า 1 คน แต่ไม่เกิน 4 คน บนเงื่อนไขความยุติธรรมจึงถูกประทานลงมา

“และถ้าหากสูเจ้าเกรงว่าไม่สามารถให้ความเป็นธรรมแก่เด็กกำพร้า ดังนั้น จงแต่งงานกับผู้หญิงอื่นสอง หรือสาม หรือสี่ ที่สูเจ้าสบใจ แต่ถ้าหากสูเจ้าเกรงว่าจะไม่สามารถให้ความยุติธรรมได้ก็จงแต่งงานกับผู้หญิงเพียงคนเดียวหรือแต่งงานกับผู้หญิงที่อยู่ในความครอบครองของสูเจ้า นั่นเป็นการดีกว่าที่สูเจ้าจะได้ไม่ลำเอียง” (กุรอาน 4:3)

คำสอนดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าอิสลามมิได้กำหนดให้มุสลิมทุกคนมีภรรยา 4 คน แต่จำกัดการมีภรรยาหลายคนไว้มิให้เกินสี่ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องให้ความยุติธรรมแก่ผู้หญิงทุกคน ถ้าเกรงว่าไม่สามารถให้ความยุติธรรมได้ก็แต่งแค่คนเดียว

บทบัญญัตินี้มีไว้เพื่อแก้ปัญหาสังคมที่อาจจะเกิดขึ้นในยุคสมัยที่ผู้ชายมีจำนวนน้อยกว่าผู้หญิง


You must be logged in to post a comment Login