วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567

โหมโรงสิงหาเดือด / โดย สมศักดิ์ ไม้พรต

On July 31, 2017

คอลัมน์ : จับกระแสการเมือง

ผู้เขียน : สมศักดิ์ ไม้พรต

การไต่สวนพยานคดีรับจำนำข้าวที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตกเป็นจำเลยในข้อกล่าวหาปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตสร้างความเสียหายแก่รัฐกว่า 600,000 ล้านบาทที่สิ้นสุดไปเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ปลุกให้การเมืองคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง

เป็นความคึกคักที่เกิดจากการโหมโรงของทั้ง 2 ฝ่าย

ฝ่ายหนึ่งคือฝ่ายที่สนับสนุนและเห็นใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกมาให้ข่าวในทำนองว่าวันที่ศาลนัดอ่านคำพิพากษาจะมีประชาชนจากทั่วประเทศเดินทางมาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก พร้อมวอนขอผู้มีอำนาจทั้งหลายว่าอย่าปิดกั้นการเดินทางของประชาชน

อีกฝ่ายหนึ่งคือฝ่ายคุมอำนาจที่ไม่ต้องการให้เกิดการเคลื่อนไหวทางการเมือง เตือนประชาชนให้ตระหนักว่าการรวมตัวกันเป็นจำนวนมากอาจทำให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายในบ้านเมือง และเข้าข่ายละเมิดประกาศคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองเกินกว่า 5 คนขึ้นไป

เมื่อมองต่างมุม ความเคลื่อนไหวเพื่อสร้างความชอบธรรมจึงเกิดขึ้นตามมา

ฝ่ายหนึ่งให้ข่าวว่าตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ศาลนัดอ่านคำพิพากษาจะมีเจ้าหน้าที่รัฐไปตระเวนตามหมู่บ้านชุมชนเพื่อสกัดกั้นไม่ให้มีการเคลื่อนไหวรวมตัวกันเข้ามาในกรุงเทพฯเพื่อให้กำลังใจอดีตนายกรัฐมนตรี

อีกฝ่ายหนึ่งให้ข่าวทำนองว่ามีการตั้งเป้าเกณฑ์ประชาชนเข้ามาชุมนุมที่หน้าศาลให้ได้อย่างน้อย 10 ล้านคน โดยจะมีการจ่ายค่าเดินทางให้กับผู้ที่ร่วมเดินทางทุกคน

ทั้งที่เมื่อพิจารณาตามข้อเท็จจริงแล้วคาดการณ์ได้ว่าในวันที่ศาลนัดอ่านคำตัดสินจะมีประชาชนเดินทางมาให้กำลังใจอดีตนายกฯจำนวนมากแน่ แต่คงไม่ถึง 10 ล้านคนอย่างที่อีกฝ่ายออกมาดักคอไว้

ใช่ว่าอีกฝ่ายจะประเมินไม่ได้ว่าจะมีคนมาไม่ถึง 10 ล้านคน แต่ที่พูดโอเวอร์เข้าไว้ไม่ได้ต้องการเน้นตัวเลข แต่ต้องการเน้นถึงคำว่าค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ต้องการสื่อให้เห็นว่าหากมีคนมามากไม่ว่าจะเป็นหมื่นคนหรือแสนคนนั่นคือมาเพราะได้รับการว่าจ้าง ไม่ได้มาเพราะศรัทธาในตัวอดีตนายกรัฐมนตรี

เป็นยุทธวิธีทำลายความน่าเชื่อถือแบบเก่าที่ใช้กันมาตลอด

นอกจากเรื่องที่จะมีประชาชนเดินทางมาที่หน้าศาลจำนวนมากแล้ว ยังมีการโหมโรงเรื่องการยึดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตามคำสั่งทางปกครองจำนวน 35,000 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ฝ่ายที่เชียร์ให้ยึดทรัพย์ไม่พอใจฝ่ายปฏิบัติที่ทำงานล่าช้าไม่ทันใจ แต่ล่าสุดคณะกรรมการสืบทรัพย์กระทรวงการคลังได้ส่งมอบบัญชีเงินฝากของอดีตนายกฯ 12 บัญชี ให้กรมบังคับคดีดำเนินการแล้ว

บัญชีเงินฝากเป็นทรัพย์สินล็อตแรกที่จะถูกยึด จากนั้นจะตามมาด้วยอสังหาริมทรัพย์ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ถือครอง ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการสืบทรัพย์ของคณะกรรมการ

การดำเนินการยึดทรัพย์น่าสนใจตรงที่ว่าเป็นการดำเนินการโดยใช้คำสั่งทางปกครอง ไม่ได้ใช้คำสั่งศาล และดำเนินการก่อนที่จะรู้ผลการตัดสินคดีความผิดทางอาญาที่อดีตนายกฯถูกฟ้อง

หากในวันที่ 25 สิงหาคม ศาลมีคำพิพากษาให้อดีตนายกฯมีความผิดฐานปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตจนเกิดความเสียหาย การยึดทรัพย์ที่แม้จะใช้คำสั่งทางปกครองก็จะมีความชอบธรรมขึ้น เพราะสังคมจะเข้าใจได้ว่ามีความผิดและมีความเสียหายจากการกระทำผิดเกิดขึ้นจริง

แต่หากคำพิพากษาของศาลออกไปอีกทางหนึ่ง คือเห็นว่าอดีตนายกฯไม่มีความผิดฐานปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริต จะเกิดคำถามว่าคำสั่งทางปกครองที่ออกมาก่อนคำตัดสินมีความชอบธรรมอยู่หรือไม่ และยังต้องดำเนินการตามคำสั่งนี้หรือไม่

เชื่อว่าจากวันนี้จนถึงก่อนวันที่ศาลนัดอ่านคำพิพากษา ฝ่ายปฏิบัติอย่างกรมบังคับคดีน่าจะหยุดรอดูคำพิพากษาของศาลเพื่อให้เกิดความมั่นใจในการทำหน้าที่ เพราะหากผลออกไปอีกทางหนึ่งก็เสี่ยงที่จะถูกฟ้องร้องได้

การยึดทรัพย์มีอายุความ 10 ปีที่สามารถดำเนินการได้ รอให้ชัวร์ก่อนลงมือก็ยังไม่สาย

ความน่าสนใจของเรื่องจึงถูกเทน้ำหนักไปที่วันนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 25 สิงหาคมนี้มากกว่า

ก่อนจะถึงวันพิพากษาเชื่อว่าจะมีข่าวจริงข่าวปล่อยออกมาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจากฝ่ายที่ไม่ต้องการให้มีการชุมนุมกันของประชาชนที่หน้าศาล

ข่าวหนึ่งที่เชื่อว่าจะมีออกมาแน่คือ เมื่อถึงวันที่ศาลนัดฟังคำพิพากษา น.ส.ยิ่งลักษณ์จะปรากฏตัวต่อหน้าศาลเพื่อฟังคำตัดสินหรือไม่ แม้ที่ผ่านมาอดีตนายกฯจะเดินทางไปรับฟังการสืบพยานทั้งฝ่ายโจทย์และจำเลยมาตลอดทุกนัดไม่ได้ขาด

อีกข่าวหนึ่งที่เชื่อว่าจะปรากฏควบคู่กันไปแน่ๆคือ การเตรียมการก่อความปั่นป่วนวุ่นวายในบ้านเมืองกรณีที่อดีตนายกฯไปศาลและศาลมีคำสั่งให้มีความผิดตามฟ้อง

ยังไม่มีใครรู้ว่าของจริงจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ต้องมีการประเมินสถานการณ์เพื่อรับมือ พร้อมสร้างข่าวปูทางสร้างความชอบธรรมในสิ่งที่จะทำต่อไปในวันข้างหน้าไว้ก่อน

ยิ่งสร้างกระแสทำลายความชอบธรรมของฝ่ายตรงข้ามและสร้างความชอบธรรมให้ฝ่ายตัวเองได้มากเท่าไร เมื่อถึงเวลาลงมือก็จะตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ก่อนถึงวันพิพากษา การเมืองซัดกันดุเดือดแน่

อย่างไรก็ตาม อนาคตคือสิ่งที่มองไม่เห็น อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด


You must be logged in to post a comment Login