วันพฤหัสที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567

กาลานุกรมเมืองเยรูซาเล็ม / โดย บรรจง บินกาซัน

On July 31, 2017

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

แผ่นดิน “ปาเลสไตน์” เป็นดินแดนเก่าแก่ซึ่งเคยถูกเรียกว่า “กันอาน” แผ่นดินนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของทั้งชาวยิว ชาวคริสเตียน และมุสลิม เพราะเป็นดินแดนที่อับราฮัม หรือนบีอิบรอฮีม บรรพบุรุษแห่งความศรัทธาของทั้ง 3 ศาสนิก เคยพานางซาราห์ภรรยาคนแรกอพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่

เมื่ออับราฮัมอพยพไปยังอียิปต์ เขาได้แต่งงานกับหญิงพื้นเมืองชื่อฮาการ์ (ฮาญัรฺ) และมีลูกคนแรกชื่ออิสมาอีล หลังจากนั้นเขาได้พานางฮาการ์กับลูกน้อยอิสมาอีลมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในหุบเขาบักก๊ะฮฺในคาบสมุทรอาหรับ คัมภีร์กุรอานกล่าวว่า ขณะที่อับราฮัมอยู่ที่นั่นในตอนที่อิสมาอีลโตเป็นเด็กหนุ่มแล้ว พระเจ้าได้บัญชาให้เขาสร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺขึ้นมาเพื่อเป็นสถานที่เคารพสักการะพระองค์

หลังจากสร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺเสร็จแล้ว อับราฮัมได้กลับไปหานางซาราห์ที่ปาเลสไตน์ และเมื่ออยู่ที่นั่นเขาได้สร้างมัสยิดอัลอักซอขึ้นที่เมืองเยรูซาเล็ม บันทึกคำพูดของนบีมุฮัมมัดกล่าวว่า อับราฮัมสร้างมัสยิดอัลอักซอขึ้นหลังจากสร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺเป็นเวลา 40 ปี และมัสยิดนี้เองที่ทำให้เมืองเยรูซาเล็มกลายเป็นจุดศูนย์กลางทางด้านจิตวิญญาณของลูกหลานอิสราเอล

หลังสมัยของอับราฮัม ลูกหลานอิสราเอลได้อพยพจากแผ่นดินกันอานไปอยู่ที่อียิปต์ในสมัยของโยเซฟ (ยูซุฟ) แต่หลังจากโยเซฟเสียชีวิต ลูกหลานอิสราเอลต้องตกเป็นทาสของฟาโรห์ในอียิปต์เป็นเวลานาน จนกระทั่งโมเสสได้พาลูกหลานอิสราเอลอพยพออกมาร่อนเร่อยู่ในทะเลทรายหลายสิบปี ในระหว่างนั้นลูกหลานอิสราเอลต้องถูกชนชาติต่างๆรุกรานขับไล่

จนกระทั่งเดวิดสามารถรวบรวมลูกหลานอิสราเอลที่แตกกระจายให้เป็นปึกแผ่นและตั้งอาณาจักรอิสราเอลขึ้นมาได้ ลูกหลานอิสราเอลจึงได้อยู่กันอย่างสงบ เมื่อกษัตริย์เดวิดจากไป โซโลมอน ลูกชายของกษัตริย์เดวิด ได้ขึ้นมาครองอำนาจการปกครอง และในระหว่างนี้เองที่กษัตริย์โซโลมอนซึ่งเป็นมุสลิมได้สร้างวิหารที่เรียกว่า “วิหารโซโลมอน” (Solomon Temple) ขึ้นมาเพื่อสักการะพระเจ้าก่อนคริสตกาลประมาณ 950 ปี

หลังสมัยโซโลมอน อาณาจักรอิสราเอลแตกเป็น 2 ส่วน กษัตริย์เนบูคัดเนซซาร์แห่งอาณาจักรบาบิโลนได้ทำลายเมืองเยรูซาเล็มและวิหารโซโลมอน ลูกหลานอิสราเอลต้องตกเป็นทาสของชาวบาบิโลน ต่อมากษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียมีอำนาจ ลูกหลานอิสราเอลได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระและได้กลับมายังเมืองเยรูซาเล็ม พวกลูกหลานอิสราเอลจึงสร้างวิหารหลังที่สองขึ้นมาตรงบริเวณที่ตั้งวิหารโซโลมอนเมื่อประมาณ 500 ปีก่อนคริสตกาล

ใน ค.ศ. 70 กองทัพโรมันไบแซนตินนำโดยจักรพรรดิติตุสได้บุกเข้ามาปราบพวกลูกหลานอิสราเอลที่เป็นกบฏและทำลายเมืองเยรูซาเล็มพร้อมกับวิหารหลังที่สองลงจนไม่เหลือซาก ช่วงนี้เองที่พวกลูกหลานอิสราเอลต้องอพยพหลบหนีไปอยู่ในส่วนต่างๆของโลกเหมือนคนสิ้นชาติไร้แผ่นดิน มี 3 เผ่าที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในคาบสมุทรอาหรับที่เมืองยัษริบ

ค.ศ. 614 อาณาจักรเปอร์เซียได้เข้ามายึดครองเมืองเยรูซาเล็ม แต่ต่อมาอาณาจักรโรมันไบแซนตินเข้ามายึดเมืองเยรูซาเล็มคืนได้ใน ค.ศ. 629

หลังสมัยของนบีมุฮัมมัด กองทัพของเคาะลีฟะฮ์อุมัรฺยึดเมืองเยรูซาเล็มได้ใน ค.ศ. 638 ในเวลานั้นคนส่วนใหญ่ในเมืองเยรูซาเล็มเป็นชาวคริสเตียน เคาะลีฟะฮ์อุมัรฺไม่ได้ทำลายโบสถ์คริสต์ แต่กลับให้สิทธิและเสรีภาพแก่ทุกศาสนิกในการที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

เมืองเยรูซาเล็มอยู่ภายใต้การปกครองของมุสลิมมาจนกระทั่ง ค.ศ. 1099 จึงถูกกองทัพครูเสดจากยุโรปบุกมายึดไป แต่ต่อมาใน ค.ศ. 1187 เศาะลาฮุดดีน (ซาลาดิน) แม่ทัพเชื้อสายเคิร์ด ได้ยึดเมืองเยรูซาเล็มกลับคืนมาเป็นของมุสลิม และเขายังใช้นโยบายของเคาะลีฟะฮ์อุมัรฺในการปกครองเมือง นั่นคือ ทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้มีสิทธิและเสรีภาพในการนับถือศาสนาของตน และมุสลิมได้ใช้มัสยิดอัลอักซอละหมาดมาโดยตลอด

แต่ในศตวรรษนี้ขบวนการยิวไซออนิสต์ต้องการให้ชาวยิวที่สิ้นชาติกลับมาตั้งประเทศอิสราเอล โดยมีเมืองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของตน และต้องการทำลายมัสยิดอัลอักซอเพื่อสร้างวิหารหลังที่สามขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง


You must be logged in to post a comment Login