วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567

โนพร็อบเบล็ม

On July 21, 2017

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

สัปดาห์นี้ดูจะเป็นสัปดาห์ของข่าวเรื่องข้าว

เรื่องข้าวที่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ แต่ถูกทำให้เป็นเรื่องธรรมดาไม่ได้รับความสนใจจากสังคมไทยเท่าที่ควรคือการตรวจสอบระบายข้าวสต็อกรัฐบาล ที่มีการเปิดเผยข้อมูลว่านำข้าวเกรดดีคนบริโภคได้มาขายเป็นข้าวเกรดต่ำใช้ทำอาหารสัตว์ ทำให้รัฐเสียรายได้ที่ควรจะได้รับไปกว่าหมื่นล้านบาท

แม้จะไร้เสียงตอบรับจากผู้มีอำนาจว่าจะสั่งให้เปิดโกดังข้าวตรวจสอบคุณภาพกันให้ชัดเจนหรือไม่ว่าข้าวที่ระบายออกไปเป็นข้าวเกรดคนบริโภคได้หรือเป็นเกรดที่ต้องใช้ทำอาหารสัตว์กันแน่

แต่อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ตรวจสอบเรื่องนี้ก็ยังเดินหน้าหาความจริงกันต่อไป ล่าสุดพาคณะสื่อมวลชนจำนวนหนึ่งลงพื้นที่ตรวจสอบบริษัทกาญจนาอาหารสัตว์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลดอนทราย อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี เพื่อดูว่ามีสภาพเป็นอย่างไร มีสถานที่เพียงพอต่อการจัดเก็บข้าวเพื่อรอผลิตเป็นอาหารสัตว์ที่ประมูลมาได้กว่า 40,000 ตันหรือไม่

แน่นอนว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้ได้แต่ส่องดูจากภายนอก ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบภายในพื้นที่ของบริษัทได้ ซึ่งสภาพที่เห็นด้วยตาเปล่าคณะอดีตส.ส.เพื่อไทยตั้งข้อสังเกตว่าบริษัทดังกล่าวมีลักษณะเป็นฟาร์มเลี้ยงหมู สภาพไม่เหมาะสมกับการเก็บข้าว และไม่น่ามีสถานที่จัดเก็บเพื่อรักษาคุณภาพข้าวที่ประมูลมาได้จำนวนมาก

ที่สำคัญ คณะผู้ตรวจสอบบอกว่าหลังชนะประมูลข้าว ไม่มีการเคลื่อนไหวนำข้าวที่ได้จากการประมูลเข้ามาเก็บในพื้นที่โรงงานแห่งนี้ เพราะการขนข้าวต้องใช้รถบรรทุกจำนวนมาก แต่คนในพื้นที่บอกว่าไม่เห็นมีรถวิ่งเข้า-ออกผิดปรกติ

ข้อมูลที่ต้องขีดเส้นใต้ตัวโตๆคือโรงงานแห่งนี้มีกำลังแปรรูปข้าวเป็นอาหารได้ประมาณวันละ 11 ตัน แต่ชนะการประมูลได้ข้าวมากกว่า 40,000 ตัน หากใช้โรงงานแห่งนี้เพียงแห่งเดียวในการแปรรูป อาจต้องใช้เวลาถึง 20 ปีจึงแปรรูปข้าวได้หมด

ที่แน่นอนที่สุดคือการลงพื้นที่ตรวจสอบครั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่รัฐทั้งทหารตำรวจมาตามดูการทำงานของคณะอดีตส.ส.ด้วย จึงเป็นไปไม่ได้ที่ผู้มีอำนาจจะไม่รับรู้ข้อมูลการประมูลข้าวที่ถูกเปิดเผยครั้งนี้

คงต้องติดตามดูกันต่อไปว่าจะมีการแทกแอ็คชั่นอะไรออกมาจากฝั่งผู้มีอำนาจเพื่อพิสูจน์เรื่องนี้ให้กระจ่างชัดหรือไม่ และหากผู้มีอำนาจยังนิ่งเฉย ฝ่ายตรวจสอบของพรรคเพื่อไทยจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

เรื่องข้าวอีกเรื่องที่เป็นเรื่องใหญ่กว่าการตรวจสอบประมูลข้าวสต็อกรัฐบาลนั่นคือคดีปล่อยปละละเลยทำให้รัฐเสียหายจากการดำเนินโครงการจำนำข้าวที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตกเป็นจำเลย ซึ่งขณะนี้การพิจารณาคดีในชั้นศาลดำเนินการมาถึงการไต่สวนพยานนัดสุดท้ายแล้วในวันนี้ (21 ก.ค.)

คาดว่าการไต่สวนพยานนัดสุดท้ายจะมีประชาชนแห่ไปให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่หน้าที่ทำการศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมืองเป็นจำนวนมาก เพราะเมื่อการไต่สวนนัดสุดท้ายและการแถลงผิดคดีของทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยจบสิ้นลงก็ได้เวลานับถอยหลังรอฟังคำพิพากษา

ทั้งนี้ คดีอาจถูกยื้อออกไปหากว่าศาลรับเรื่องที่ทีมทนายของอดีตนายกฯยื่นให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ มาตรา 5 พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีความอาญาของนักการเมือง พ.ศ.2542 ขัดกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เพิ่งประกาศใช้ไปเมื่อต้นปี แต่หากศาลไม่ส่งตีความก็ถือว่ากระบวนการสิ้นสุดรอนัดวันฟังคำพิพากษา

คดีนี้มีการวิเคราะห์ผลที่จะตามมาไปต่างๆนานา ทั้งนักวิเคราะห์ในไทยและต่างประเทศ ทั้งกรณียกฟ้องและสั่งจำคุกอดีตนายกฯ ซึ่งส่วนมากมองว่าจะส่งผลกระทบต่อการเมืองในไทยเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาดูจากปฏิกิริยาจากฝ่ายคุมอำนาจรัฐในตอนนี้แล้ว ดูเหมือนยังมั่นใจว่าไม่ว่าผลคดีจะออกมาอย่างไรก็ “เอาอยู่” เพราะช่วงก่อนทำรัฐประหารก็วิเคราะห์กันว่าจะเจอการต่อต้านอย่างหนัก แต่เอาเข้าจริงก็ไม่เห็นมีอะไรไม่ต้องเสียกระสุนปืนเลยสักนัดด้วยซ้ำ

ดังนั้น ผลคดีจำนำข้าวที่พูดกันว่าจะเกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองก็คงอีหรอบเดียวกัน


You must be logged in to post a comment Login