วันพฤหัสที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567

ซื้อมาทำไม-จะรบกับใคร? / โดย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ

On July 13, 2017

คอลัมน์ : โดนไป บ่นไป
ผู้เขียน : ..อนุดิษฐ์ นาครทรรพ

สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นวันหยุดยาว 3 วันเนื่องในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา หวังว่าท่านผู้อ่านที่เป็นพุทธศาสนิกชนคงมีโอกาสได้ไปทำบุญ สำหรับตัวผมมีโอกาสถวายเทียนจำนำพรรษาและร่วมพิธีทางศาสนาหลายวัดด้วยกัน จึงอยากอนุโมทนาบุญกุศลที่ได้กระทำในครั้งนี้จงเป็นพลวัตปัจจัยหนุนนำให้ท่านผู้อ่านทุกท่านและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญ คิดถึงสิ่งใดที่ดีงามก็ขอให้สมความปรารถนาทุกประการ

เข้าพรรษาแล้วถือว่าเป็นโอกาสดีของชาวพุทธที่จะดำรงตนอยู่ในศีลในธรรม โดยเฉพาะในสภาพเศรษฐกิจที่ “ตกต่ำ” แบบนี้ การลด ละ เลิกอบายมุขต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเหล้า บุหรี่ การพนัน ฯลฯ ล้วนดีต่อสภาวะ “กระเป๋าแห้ง” ของคนส่วนใหญ่ทั้งสิ้น อยากให้ถือโอกาสสำคัญนี้เป็นเครื่องมือในการประหยัดค่าใช้จ่ายที่ใช้ทำร้ายตนเองทั้งหมด รับรองว่าจะดีต่อท่านและครอบครัวอย่างแน่นอน

เห็นไหมครับ! การบริหารประเทศให้ประชาชน ยากจน” ก็ยังมีข้อดีอยู่บ้าง และอาจถือเป็น กุศโลบายขั้นสูง” ของรัฐบาล คสช. ก็ได้ เพราะไม่มีเงินก็ไม่มีปัญญาไปสำเริงสำราญที่ไหนได้ ตกเย็นเลิกงานทุกคนต่างกลับบ้านไปหาครอบครัว พ่อบ้านส่วนใหญ่กลายเป็นคนดีกันเกือบทั้งหมด ยกเว้นบางอาชีพเท่านั้นที่ยังพอเที่ยวไหว แต่เศรษฐกิจแบบนี้ต้องบอกตรงๆว่าถ้าไม่แน่จริงอยู่ยากครับ

กลับมาคุยถึงเรื่องที่คนสนใจกันดีกว่า ขณะที่ผมกำลังเขียนต้นฉบับอยู่นี้ ผมเห็นข่าวที่สื่อมวลชนรายงานเกี่ยวกับการจัดหาเครื่องบินฝึกแบบ T-50TH จำนวน 8 เครื่อง ให้กับกองทัพอากาศด้วยวงเงินประมาณ 8,800 ล้านบาท ก่อนอื่นต้องเรียนว่าการจัดหาเครื่องบินแบบต่างๆเพื่อตอบสนองภารกิจของกองทัพอากาศถือว่าไม่ใช่เรื่องใหม่และไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะถ้ากองทัพอากาศไม่ซื้อเครื่องบินแล้วจะให้ไปซื้ออะไร

การจัดหาเครื่องบินแบบ T-50TH ฝูงนี้เป็นการจัดหาเครื่องบินฝึกนักบินขับไล่เบื้องต้น เพื่อทดแทนเครื่องบินแบบ L-39 ที่กองทัพอากาศใช้งานมานานและใกล้จะปลดระวางเต็มที เพราะอายุมากแล้วและใช้เทคโนโลยีรุ่นเก่า แต่เครื่องบินฝึกรุ่นใหม่ที่จัดหามาทดแทนครั้งนี้กองทัพอากาศยืนยันว่าสามารถนำมาใช้ปฏิบัติการทางอากาศได้หลายภารกิจ เพราะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย

เครื่องบินรุ่นนี้ใช้งานอยู่ใน 4 ประเทศ ส่วนผู้ผลิตก็มีความน่าเชื่อถือสูง เพราะเป็นความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศ 2 บริษัทคือ Korea Aerospace Industries และ Lockheed Martin สำหรับบริษัทหลังนี้ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะเป็นผู้ผลิตเครื่องบินขับไล่แบบ F-16 จนบางทีพวกนักบินด้วยกันก็เรียกเจ้าเครื่องบินฝึกรุ่นนี้ว่า “MINI F-16” เพราะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกันและสมรรถนะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ในฐานะที่ผมเป็นอดีตนักบินขับไล่ F-16 ของกองทัพอากาศ และเคยทำงานรับใช้กองทัพอากาศเป็นเวลาถึง 17 ปี ซึ่งถือว่าไม่น้อย ผมต้องเรียนว่ามีความเชื่อมั่นในระบบการคัดเลือกอากาศยานของกองทัพอากาศที่มีกระบวนการในการเลือกแบบและจัดหาเครื่องบินที่เหมาะสมสำหรับนำมาใช้งานเพื่อตอบสนองภารกิจต่างๆได้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด

ดังนั้น จึงไม่มีข้อสงสัยหรือตั้งแง่ในเรื่องของสมรรถนะและราคาการจัดหาครั้งนี้แต่อย่างใด ที่สำคัญผมเชื่อว่าการที่กองทัพอากาศเสนอเรื่องการจัดหาเครื่องบินฝึกในครั้งนี้ย่อมต้องผ่านกระบวนการพิจารณาต่างๆมาอย่างถี่ถ้วนแล้วว่ามีความจำเป็นต่อภารกิจของหน่วย ไม่เช่นนั้นท่านผู้บัญชาการทหารอากาศคงไม่ยอมลงนามมาอย่างแน่นอน

แต่สิ่งที่สังคมตั้งคำถามวันนี้ต่างหากที่ผมต้องนำมาบ่นให้ฟัง คือความสงสัยเรื่องการ “ช็อปปิ้ง” อาวุธชนิดต่างๆที่มีราคาแพงของรัฐบาลทหารนับตั้งแต่เข้ามายึดอำนาจ ความสงสัยนี้ไม่ได้อยู่เฉพาะคนส่วนใหญ่ที่ไม่นิยมชมชอบรัฐบาลเท่านั้น แม้กระทั่งคนส่วนน้อยนิดที่เชียร์รัฐบาลแบบสุดใจขาดดิ้นก็ตั้งคำถามถึงการใช้งบประมาณในเรื่องนี้เช่นกัน

คำถามทั้งหมดมาจากสภาพข้อเท็จจริงที่ว่าประเทศไทยกำลังอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย การที่รัฐบาลไม่สามารถเก็บรายได้ต่างๆได้เข้าเป้า ทำให้กลายเป็นคนหัวโต ตัวเล็ก ผอมแห้งแรงน้อย ต้องกู้หนี้ยืมสินในอนาคตมาใช้ก่อนเป็นจำนวนมหาศาล รวมทั้ง 3 ปีที่ผ่านมานี้ รัฐบาลยังจัดงบประมาณแบบขาดดุลอีกปีละหลายแสนล้านบาท ดังนั้น เศรษฐกิจจึงอยู่ในสภาพย่ำแย่และขาลงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

เมื่อประเทศ “กระเป๋าแห้ง” และอยู่ในสภาพ “บักโกรก” เช่นนี้ นักวิชาการ พ่อค้า ประชาชน ตลอดจนชาวบ้านร้านตลาดทั่วไป จึงตั้งคำถามว่าทำไมรัฐบาลจึงไม่บริหารจัดการงบประมาณเพื่อสร้างความกินดีอยู่ดีให้กับประชาชนก่อน หรืออย่างน้อยก็ใช้จ่ายงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆให้กับราษฎรน่าจะดีกว่า เพราะปัญหาต่างๆเหล่านี้มีอยู่เต็มไปหมดและยังไม่ได้รับการแก้ไข ทำไมถึงเอาเงินภาษีของเขาไปซื้ออาวุธ!!!

จริงอยู่ที่รัฐบาลออกมาชี้แจงว่างบประมาณที่ใช้ครั้งนี้และครั้งก่อนๆเป็นงบประมาณของกองทัพและเป็นการตั้งงบประมาณแบบผูกพัน เหมือนการซื้อสินค้าเงินผ่อนด้วยการชำระเป็นงวดๆ ไม่ได้จ่ายก้อนใหญ่ครั้งเดียว แต่จะห้ามไม่ให้ประชาชนออกมาแสดงความเห็นเรื่อง การใช้เงินแผ่นดินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้” นั้นคงเป็นการยาก

ที่สำคัญการผูกพันงบประมาณไม่ใช่ข้อแก้ตัว เพราะเท่ากับการยกระดับเพดานหนี้ของประเทศให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ และถ้ายัง ช็อปปิ้งเงินผ่อน” แบบนี้ต่อไปจะมีอะไรการันตีว่าลูกหลานของเราจะมีโอกาสเติบโตในประเทศที่มีความมั่งคั่งในอนาคต เพราะเงินเหล่านี้ไม่ใช่เงินลงทุน แต่เป็นเงินสร้างหนี้ที่ใช้แล้วหมดไป ลูกหลานของเรานี่แหละที่ต้องมาแบกหนี้ก้อนโตที่พวกท่านทำเอาไว้

สิ่งที่ผมบ่นให้ฟังในสัปดาห์นี้บ่นในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่ยังมีลูกเล็กๆอีก 6 คน ผมยืนยันว่าผมมั่นใจและเชื่อใจกองทัพอากาศ โดยเฉพาะท่านผู้บัญชาการทหารอากาศท่านนี้ที่ผมเคยมีโอกาสทำงานเป็นนักบินรบในฝูงบินเดียวกันกับท่าน และเชื่อว่าท่านเป็นคนเก่ง สะอาด และโปร่งใส

แต่สิ่งที่ผมถ่ายทอดมาทั้งหมดเป็นความกังวลบนความทุกข์ยากของประชาชนที่ยังไม่เข้าใจว่ารัฐบาลทหารตัดสินใจซื้ออาวุธมากมายในช่วงหลังจากรัฐประหารมานี้ “ซื้อมาทำไม และจะไปรบกับใครที่ไหน”

ถ้าเศรษฐกิจไม่ “ตกต่ำยับเยิน” แบบนี้ ผมจะไม่มีวันนำเรื่องนี้มาบ่นอย่างเด็ดขาด และยังจะเป็นกระบอกเสียงอธิบายความจำเป็นในการจัดซื้อให้กับกองทัพด้วยซ้ำ หวังว่าพี่ๆทุกท่านคงเข้าใจและควรสนับสนุนให้รัฐบาลทหารแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนก่อนจะไปแก้ไขปัญหาให้กับกองทัพเหมือนที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้


You must be logged in to post a comment Login