วันพฤหัสที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567

อิสลามเกิดในมักก๊ะฮฺ แต่โตในมะดีนะฮฺ / โดย บรรจง บินกาซัน

On July 3, 2017

คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

เมืองมะดีนะฮฺและเมืองมักก๊ะฮฺเป็น 2 เมืองที่มีความสำคัญคู่กันมาในประวัติศาสตร์อิสลาม เพราะมักก๊ะฮฺเป็นเมืองที่นบีมุฮัมมัดถือกำเนิด ส่วนมะดีนะฮฺเป็นเมืองที่ร่างอันไร้วิญญาณของท่านถูกฝังอยู่ที่นั่น ไม่มีมุสลิมคนใดที่ไปเมืองมักก๊ะฮฺแล้วจะไม่ไปเยือนเมืองมะดีนะฮฺเพื่อรำลึกและวิงวอนขอพรให้แก่ท่าน

เดิมทีเมืองมะดีนะฮฺมีชื่อว่ายัษริบ ตั้งอยู่ห่างจากมักก๊ะฮฺขึ้นไปทางเหนือประมาณ 400 กิโลเมตร ก่อนที่นบีมุฮัมมัดจะอพยพจากมักก๊ะฮฺไปที่นั่น เมืองยัษริบเป็นที่อยู่อาศัยของคนหลายกลุ่ม กลุ่มแรกเป็นคน 2 เผ่าใหญ่ที่อพยพมาจากเยเมนหลังจากเขื่อนมะอ์ริบแตกจนแผ่นดินที่เคยอุดมสมบูรณ์กลายเป็นแผ่นดินแห้งแล้ง เผ่าหนึ่งชื่อเอาส์ อีกเผ่าหนึ่งชื่อคอซรอจญ์ 2 เผ่านี้มีความขัดแย้งและต่อสู้กันมายาวนานเพื่อให้คนในเผ่าของตัวเองเป็นผู้ปกครองยัษริบ แต่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน

ส่วนคนอีกกลุ่มหนึ่งคือพวกลูกหลานอิสราเอล 3 เผ่าที่อพยพหลบหนีการปราบปรามของพวกโรมันจากเมืองเยรูซาเล็มใน ค.ศ. 70 และ 3 เผ่านี้ก็ขัดแย้งกันในเรื่องอำนาจและผลประโยชน์ ถ้าพวกลูกหลานอิสราเอลรบกันเอง แต่ละเผ่าก็จะไปขอความช่วยเหลือจากเผ่าอาหรับ ในทำนองเดียวกันถ้าเผ่าเอาส์กับเผ่าคอซรอจญ์รบกัน 2 เผ่านี้ก็จะไปขอความช่วยเหลือพวกลูกหลานอิสราเอลมาช่วยรบ

นี่คือสภาพของเมืองยัษริบก่อนที่นบีมุฮัมมัดถือกำเนิดและเผยแผ่อิสลามในเมืองมักก๊ะฮฺ

ความขัดแย้งของชนเผ่าอาหรับใหญ่ 2 เผ่าที่ดำเนินมาเป็นเวลานาน ทำให้บุคคลในเผ่าคอซรอจญ์คนหนึ่งชื่ออับดุลลอฮ์ บินอุบัย บินสะลูล เริ่มมีบทบาทเป็นที่ยอมรับจากคนในเมืองยัษริบมากขึ้น จนผู้คนในเมืองยัษริบเริ่มเห็นแววความเป็นผู้นำของเขาและหมายมั่นว่าไม่นานเขาคงได้เป็นผู้นำชาวเมืองยัษริบ

แต่ปรากฏว่าในช่วงเวลาแห่งการทำพิธีฮัจญ์ครั้งหนึ่ง สมาชิกส่วนหนึ่งจากเผ่าเอาส์และคอซรอจญ์ได้เดินทางมาทำพิธีฮัจญ์ที่เมืองมักก๊ะฮฺ และมีโอกาสได้พบกับนบีมุฮัมมัดที่กำลังเหนื่อยหน่ายสิ้นหวังจากการถูกชาวมักก๊ะฮฺต่อต้านการเผยแผ่อิสลามตั้งแต่ต้น หลังจากได้ฟังคำสอนและเห็นบุคลิกภาพของท่านนบีมุฮัมมัด ชาวยัษริบจาก 2 เผ่าก็เกิดความเลื่อมใสจนเข้ารับนับถืออิสลามกับท่านนบีมุฮัมมัด และรับปากว่าหากท่านอพยพไปยังเมืองยัษริบ พวกเขาจะให้สิทธิเสรีภาพในการเผยแผ่อิสลามและจะสนับสนุนท่านให้เป็นผู้นำที่นั่น

ท่านนบีมุฮัมมัดสนใจข้อเสนอของชาวยัษริบเป็นอย่างมาก เพราะท่านเห็นว่าบางทีหัวใจของชาวเมืองยัษริบอาจเป็นดินอุดมที่จะทำให้เมล็ดพันธุ์แห่งอิสลามเติบโตขึ้นมาได้ แต่กระนั้นท่านก็ยังไม่รับปากทันที ท่านต้องการดูความจริงใจของชาวยัษริบก่อน ท่านได้ให้ชาวยัษริบสาบานกับท่านโดยมีเนื้อหาสำคัญต่อไปนี้คือ พวกเขาจะไม่เคารพสักการะสิ่งใดนอกไปจากอัลลอฮฺองค์เดียว พวกเขาจะไม่ขโมย ไม่ทำชู้และไม่ผิดประเวณี ไม่ฆ่าลูกๆของตนเอง ไม่กล่าวร้ายและใส่ความผู้อื่น และจะเชื่อฟังนบีทั้งในยามทุกข์และสุข

หลังจากนั้นอีก 2 ปี ปรากฏว่าในช่วงพิธีการทำฮัจญ์ ชาวยัษริบที่สาบานไว้กับท่านนบีมุฮัมมัดได้พาชาวยัษริบที่เข้ารับอิสลามจากทั้ง 2 เผ่าเกือบร้อยคนมาหาท่าน ทำให้ท่านนบีมุฮัมมัดเริ่มเห็นว่ายัษริบเป็นผืนดินที่จะทำให้อิสลามงอกงามและเจริญเติบโต ดังนั้น ท่านจึงเริ่มสั่งให้มุสลิมที่ถูกกดขี่ข่มเหงในมักก๊ะฮฺค่อยๆทยอยกันอพยพไปสมทบกับมุสลิมที่ยัษริบ การอพยพครั้งนี้เองที่ทำให้มุสลิมเริ่มมีจำนวนมากขึ้นทั้งในปริมาณและคุณภาพ เพราะมุสลิมจากมักก๊ะฮฺอพยพไปยังยัษริบด้วยหัวใจที่ศรัทธา ในขณะที่ชาวมุสลิมเมืองยัษริบก็ให้การต้อนรับผู้อพยพด้วยหัวใจที่ศรัทธาเช่นกัน

เมื่อมุสลิมในมักก๊ะฮฺทยอยกันอพยพจนหมดแล้ว ท่านนบีมุฮัมมัดกับอบูบักร์สาวกที่เป็นเพื่อนสนิทของท่านจึงแอบอพยพออกจากมักก๊ะฮฺเป็นรายสุดท้าย และการอพยพของท่านไปยังเมืองยัษริบครั้งนั้นได้ทำให้อิสลามงอกงามและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วจนยัษริบได้กลายเป็นรัฐอิสลามในชื่อว่ามะดีนะฮฺ


You must be logged in to post a comment Login