วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2567

เหนื่อยแต่มีความสุข / โดย พระพยอม กัลยาโณ

On June 12, 2017

คอลัมน์ : พระพยอมวันนี้
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

เป็นไปตามความคาดหมาย เมื่อเร็วๆนี้มีคนมาร่วมฟังการพูด การบรรยายธรรม การบรรยายเหตุการณ์เรื่องสึนามิ เรื่องภัยพิบัติของอาจารย์สมิทธ ธรรมสโรช อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา และคุณปราโมทย์ ไม้กลัด อดีตอธิบดีกรมชลประทาน ที่มาไม่ได้เพราะป่วย แต่ท่านก็ทำวีทีอาร์มาเล่าเรื่องต่างๆไว้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว เรียกว่าเป็นบรรยากาศที่ดี ทั้งยังมีอาจารย์ศรีราชา เจริญพานิช อดีตผู้ตรวจการแผ่นดินที่เพิ่งเกษียณไม่นาน ก็มาพูดเรื่องการทำงานด้านการป้องกันน้ำ หลายตอนพูดถึงเรื่องอภินิหารหรือพระปรีชารอบรู้ปัญหาและแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติ

การจัดบรรยายที่วัดสวนแก้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน ได้ประโยชน์มหาศาล ทำให้เห็นว่าวัดเป็นแหล่งให้ประโยชน์ทางปัญญาด้วยการจัดกิจกรรมอย่างนี้ คนมาวัดไม่ใช่แค่มาทำบุญแบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ มาทำบุญร้อยเดียวก็ได้เมล่อนไปลูกหนึ่งราคา 300 บาท ที่วัดมีแต่ของเลี้ยงของทาน มีหนังสือ มีเทปซีดีแจก หรือจะซื้อก็แล้วแต่จะให้

ปีนี้ได้จัดกิจกรรมแบบนี้ เมื่อก่อนอาตมาเทศน์รูปเดียว แต่คราวนี้มีผู้มาร่วมให้ความรู้เรื่องภัยพิบัติ เรื่องการจัดการน้ำ เหตุใดน้ำจึงท่วม เพราะการบูรณาการของระบบราชการแต่ละกระทรวงไม่ตรงกัน ไม่สอดคล้องกัน ไม่ประสานร่วมมือกันดีพอ จึงเกิดปัญหาทำให้น้ำท่วม เพราะฉะนั้นอะไรที่เป็นปัญหา ถ้าคนไทยเจาะช่องให้มีทางออก ให้มีทางแก้ ประเทศเราคงไม่แย่ไปกว่านี้

การจัดงานที่ผ่านมาของวัดสวนแก้ว บางคนอาจไม่รู้ว่าในหลวงทรงห่วงใยคนใกล้ชิดและประชาชนทั้งประเทศอย่างไร อย่างอาจารย์ปราโมทย์โดนแมลงชนิดหนึ่งกัดที่มือขณะที่ถือเอกสารอยู่และมีอาการคันสุดขีด จะเกาก็ไม่กล้าเกา ไม่สะดวก เพราะในหลวงทรงยืนอยู่ข้างหน้า ก็เก็บอาการคันไว้ แต่ไม่รู้ทรงทราบได้อย่างไร เสด็จกลับไปที่รถเอายามาทาที่มือให้

โอ้โห…ใครเป็นประชาชน พสกนิกรธรรมดาคงนั่งปลื้มไปหลายวัน ปลื้มไปตลอดชาติที่ทรงมีความห่วงใยต่อคนใกล้ชิด คนร่วมงาน เรียกว่า “ยามดีใช้ ยามไข้ช่วยรักษา” ทำให้เห็นถึงน้ำพระทัยและความเมตตาของในหลวงรัชกาลที่ 9 เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่เป็นเรื่องลับแบบนี้ ถ้าเจ้าตัวไม่เอามาเล่าก็ไม่มีใครรู้

การจัดงานบรรยายของวัดสวนแก้วครั้งนี้ทำให้ประชาชนได้รับรู้และมีความสุขใจสบายใจ ทำให้การมาทำบุญที่วัดไม่ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ไม่กลับไปมือเปล่า ไม่เสียเงินเสียทองเปล่าๆ ได้ความรู้ติดตัว ได้ของกินของทานกลับบ้านให้ลูกหลานได้อิ่ม จะได้ไม่ต่อว่าว่ามาทำบุญเสียเปล่า ไหว้เจ้าดีกว่า เพราะฉะนั้นการจัดงานครั้งนี้จึงเป็นงานที่วัดมีความสุข ความปลื้มใจ คนในวัดได้ฟังคำชื่นชมของคนที่มาที่ต่างก็มีความสุขใจ แม้จะเหน็ดเหนื่อยแต่ก็มีความสุข เรียกว่าเหนื่อยแต่มีความสุขดีกว่าอยู่สบายแต่ไม่มีความสุข

ขอฝากประชาชนด้วยว่า ใครจะมาวัดสวนแก้วขอให้มาเดือนมีนาคมถึงมิถุนายน เพราะมีพืชผัก ผลไม้เยอะจริงๆ แจกกันไม่ไหว กินกันจนอิ่ม เรียกว่าซื้อถูกๆ อย่างเมล่อนที่ห้างขายตั้ง 300 บาท แต่ที่วัดสวนแก้วขายร้อยเดียว เอาไปกินกันได้เลย ประหยัดรายจ่ายในครัวเรือนไปมหาศาลเลย

วันนี้ขอฝากบอก ใครที่ได้อ่านคอลัมน์นี้แล้วลองมาที่วัดสวนแก้วช่วงนี้นะ มีผลไม้ราคาถูกกว่าตลาดแน่นอน

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login