วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567

โรคภูมิแพ้ / โดย รศ.นพ.ปารยะ อาศนะเสน

On May 22, 2017

คอลัมน์ : พบหมอศิริราช
ผู้เขียน : รศ.นพ.ปารยะ อาศนะเสน

โรคภูมิแพ้เป็นกลุ่มของโรคที่แสดงอาการได้กับหลายระบบของร่างกาย

อาการของโรคภูมิแพ้ขึ้นอยู่กับชนิดของโรคภูมิแพ้ที่เป็น ถ้าเป็นที่ตาเรียกว่าโรคเยื่อบุตาอักเสบภูมิแพ้, ถ้าเป็นที่จมูกเรียกว่าโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ หรือโรคแพ้อากาศ, ถ้าเป็นที่หลอดลมเรียกว่าโรคหลอดลมอักเสบภูมิแพ้ หรือโรคหืด, ถ้าเป็นที่ผิวหนังเรียกว่าโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้, ถ้าเป็นที่ระบบทางเดินอาหารเรียกว่าโรคแพ้อาหาร

ดังนั้น ถ้าท่านมีข้อใดข้อหนึ่งหรือหลายข้อต่อไปนี้ควรสงสัยว่าอาจเป็นโรคภูมิแพ้ รีบปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง

1.มีอาการ และ/หรืออาการแสดงที่บ่งบอกว่าอาจเป็นโรคภูมิแพ้ที่ระบบต่างๆ โดยเป็นมานานมากกว่า 1 เดือนขึ้นไป เช่น ถ้ามีอาการคันและเคืองตา ตาแดง น้ำตาไหล หนังตาบวม แสบตา อาจเป็นอาการของโรคเยื่อบุตาอักเสบภูมิแพ้, ถ้ามีอาการจาม คันจมูก น้ำมูกไหลออกมาทางจมูกหรือไหลลงคอ คัดจมูก คันเพดานปากหรือคอ อาจเป็นอาการของโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ หรือโรคแพ้อากาศ

2.อาการดังกล่าวในข้อ 1 มักจะมีอาการเป็นๆ (มีเหตุมากระตุ้น) หายๆ (ไม่มีเหตุมากระตุ้น) เมื่อผู้ป่วยมีอาการต้องมีเหตุที่กระตุ้นทำให้เกิดอาการนำมาก่อน เช่น ความเครียด, การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ, อารมณ์เศร้า, วิตก, กังวล, เสียใจ (สำหรับโรคภูมิแพ้ทุกประเภท) ของฉุน, ฝุ่น, ควัน, อากาศที่เปลี่ยนแปลง, การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ หรือหวัด (สำหรับโรคภูมิแพ้ของตา จมูก และหลอดลม), อาหารบางชนิด (สำหรับโรคภูมิแพ้ ทุกประเภท)

3.ผู้ป่วยอาจมีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ชนิดต่างๆ (เช่น โรคเยื่อบุตาอักเสบภูมิแพ้, โรคแพ้อากาศ, โรคหืด, โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้) ในสมัยเด็กหรือปัจจุบัน เนื่องจากโรคภูมิแพ้เป็นกลุ่มของโรคที่แสดงอาการได้กับหลายระบบของร่างกาย

4.ผู้ป่วยอาจมีประวัติคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ชนิดต่างๆ (เช่น โรคเยื่อบุตาอักเสบภูมิแพ้, โรคแพ้อากาศ, โรคหืด, โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ หรือที่เรียกว่ากลุ่มโรคอะโทปี (atopic diseases or atopy)) เนื่องจากโรคภูมิแพ้ดังกล่าวมีการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ได้

เมื่อแพทย์สงสัยว่าท่านอาจเป็นโรคภูมิแพ้ นอกเหนือจากการซักประวัติและตรวจร่างกายแล้ว แพทย์อาจส่งตรวจพิเศษเพื่อช่วยยืนยันการวินิจฉัยโรคและให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้ป่วยแพ้ เช่น

1.การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง คือการนำน้ำยาสกัดจากสารก่อภูมิแพ้ชนิดต่างๆที่มีอยู่ในอากาศ เช่น ฝุ่นบ้าน ตัวไรในฝุ่น แมลงสาบ เกสรหญ้า วัชพืช เชื้อรา เป็นต้น มาทำการทดสอบที่ผิวหนังของผู้ป่วย เพื่อให้ทราบว่าแพ้สารใด วิธีนี้ช่วยในการวินิจฉัยโรคภูมิแพ้ที่มีความไวและความจำเพาะสูง ทำง่าย และราคาไม่แพง สามารถทราบผลได้ทันที ผู้ป่วยสามารถเห็นปฏิกิริยาภูมิแพ้ที่เกิดขึ้นด้วยตาของตนเอง มี 2 วิธีคือ

-วิธีสะกิด เป็นการทดสอบโดยหยดน้ำยาสกัดจากสารก่อภูมิแพ้ลงบนผิวหนังที่แขน และใช้เข็มสะกิดตรงกลางหยดน้ำยาเพื่อเปิดผิวหนังชั้นบนออก ถ้าผู้ป่วยแพ้ต่อสารก่อภูมิแพ้นั้นจะเกิดปฏิกิริยาขึ้น โดยเกิดรอยนูนและผื่นแดง สามารถอ่านผลได้ในเวลา 20 นาทีหลังการทดสอบ วิธีนี้ทำง่าย เร็ว ไม่เจ็บ และใช้อุปกรณ์น้อย เสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้ทั่วร่างกายน้อย

-วิธีฉีดเข้าในผิวหนัง เป็นการฉีดน้ำยาสกัดจากสารก่อภูมิแพ้เข้าในชั้นผิวหนังให้เกิดรอยนูนเป็นจุดเล็กๆ สามารถอ่านผลได้ในเวลา 20 นาทีหลังฉีด โดยวัดขนาดของรอยนูนที่ขยายใหญ่ขึ้น วิธีนี้ทำยากกว่า เสียเวลามากกว่า เจ็บกว่า ต้องใช้อุปกรณ์มากกว่า และเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้ทั่วร่างกายได้มากกว่า

2.การหาปริมาณสารเคมีในเลือดที่เรียกว่าอิมมูโนโกลบูลินอี ชนิดที่จำเพาะต่อสารก่อภูมิแพ้แต่ละชนิด วิธีนี้เป็นที่นิยมในต่างประเทศ เนื่องจากไม่เสี่ยงต่ออาการแพ้ทั่วร่างกาย ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องงดยาแก้แพ้ก่อนตรวจ ไม่ต้องใช้เวลาในการทดสอบนาน ไม่เหมือนการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง ทำให้สะดวก เพียงแค่เจาะเลือด 1 ครั้ง หาสารที่ผู้ป่วยแพ้ได้หลายชนิด แต่ในประเทศไทยไม่นิยมใช้ เนื่องจากมีราคาแพง และไม่ทราบผลในทันที


You must be logged in to post a comment Login