วันพฤหัสที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

เข้าใจกันนะเพื่อน / โดย บรรจง บินกาซัน

On April 24, 2017

คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

ผมเป็นคนไทยที่เกิดในประเทศไทย แต่ผมนับถือศาสนาอิสลาม เพื่อนของผมส่วนใหญ่ตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือและทำงานนับถือศาสนาพุทธ มีส่วนน้อยที่นับถือศาสนาคริสต์ อย่างไรก็ตาม การนับถือศาสนาที่ต่างกันไม่ได้เป็นอุปสรรคในการเป็นเพื่อนกัน

สิ่งเดียวที่เพื่อนผมรู้เกี่ยวกับอิสลามในตอนเป็นเด็กก็คือ อิสลามห้ามกินหมู บางครั้งผมโดนเพื่อนแกล้งเอาเนื้อหมูมาแหย่ตอนกินข้าว แม้เพื่อนจะสนุกจากการแกล้งผม แต่เพื่อนคนอื่นยิ่งสนุกกว่านั้นอีกเมื่อเพื่อนที่แกล้งผมถูกผมถีบหงายหลัง อย่างไรก็ตาม เราไม่เคยโกรธกัน และความเป็นเพื่อนยังคงมีอยู่จนถึงปัจจุบัน

เมื่ออยู่ในชั้นมัธยมฯ การถือศีลอดในเดือนรอมฎอนทำให้เพื่อนผมให้ความเคารพผมเป็นอย่างมาก นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจว่าถ้าเราปฏิบัติธรรมตามคำสอนของศาสนา ธรรมชาติในตัวมนุษย์ผู้อื่นจะให้ความเคารพผู้ปฏิบัติธรรม

เมื่อเข้ามหาวิทยาลัย ด้วยความเป็นผู้นับถืออิสลาม ผมโดนถามอยู่เป็นประจำว่าทำไมอิสลามจึงห้ามกินหมู ผมจึงหาคำตอบและพบว่ามิใช่เฉพาะอิสลามเท่านั้นที่ห้ามมุสลิมกินหมู แม้แต่ในคัมภีร์ไบเบิลก็ห้ามคริสตศาสนิกกินหมูเช่นกัน แต่ทำไมคนส่วนใหญ่จึงถามแต่เฉพาะมุสลิม? หรือเป็นเพราะว่าชาวมุสลิมยังคงละเว้นจากการกินหมูอย่างเคร่งครัดกระมัง?

เมื่อเข้าสู่วัยทำงาน เวลามีงานเลี้ยงในโอกาสต่างๆ เพื่อนร่วมงานที่หวังดีรู้ว่าผมไม่กินเนื้อหมูจึงสั่งอาหารที่ปรุงด้วยเนื้อวัวหรือเนื้อไก่ให้เพื่อที่ผมจะกินได้ แต่เมื่อเห็นผมไม่กินเนื้อวัวและเนื้อไก่ที่จัดให้เพื่อนผมก็ยิ่งสงสัย บางคนแอบคิดว่าผมเรื่องมาก ทั้งๆที่ผมบอกแล้วว่าไม่ต้องห่วงผมจะเสียเปรียบในการกิน เพราะผมจ่ายเงินเพื่อมีส่วนร่วมในการเลี้ยง ไม่ได้มีเป้าหมายว่าจะกินให้คุ้มกับเงินที่จ่ายไป

เมื่อมาถึงตรงนี้ผมจึงต้องอธิบายให้เพื่อนๆรู้ว่า ไม่เฉพาะเนื้อหมูเท่านั้นที่อิสลามห้ามมุสลิมกิน ยังมีสิ่งอื่นๆที่อิสลามห้ามมุสลิมกินอีก เช่น เลือด เนื้อของสัตว์ที่มีเขี้ยวหรือกรงเล็บ เนื้อสัตว์ที่ถูกทุบตายหรือตกจากที่สูงตาย และเนื้อสัตว์ที่ถูกฆ่าโดยมิได้กล่าวนามพระเจ้า แม้จะเป็นเนื้อวัว เนื้อแพะ หรือเนื้อเป็ด เนื้อไก่ ก็เป็นที่ต้องห้ามเช่นกัน

เมื่ออธิบายถึงตรงนี้ เพื่อนๆยังคาใจว่าทำไมเนื้อสัตว์ที่เชือดโดยไม่กล่าวนามพระเจ้าถึงเป็นที่ต้องห้ามสำหรับมุสลิม ผมจึงถามเพื่อนว่าการเอาของคนอื่นมาโดยไม่ขออนุญาตเรียกว่าการขโมยใช่ไหม? และการขโมยเป็นการผิดศีลใช่ไหม? เพื่อนผมยอมรับว่าใช่ เมื่อผมถามเพื่อนว่าเพื่อนจะกินของที่คนอื่นขโมยมาไหม? เพื่อนตอบว่าไม่ ผมก็บอกเพื่อนว่านั่นแหละคือเหตุผลที่คนมุสลิมไม่กินเนื้อสัตว์ที่เชือดโดยไม่กล่าวนามพระเจ้า ถึงตรงนี้เพื่อนก็ยังมีสีหน้างงๆ

ผมจึงต้องอธิบายต่อว่า คนมุสลิมเชื่อในพระเจ้าผู้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่งและผู้ทรงสร้างชีวิต ดังนั้น ทุกสิ่งรวมทั้งชีวิตจึงเป็นของพระเจ้า เมื่อจะกินเนื้อสัตว์เราต้องขออนุญาตเจ้าของชีวิตเสียก่อน ดังนั้น ก่อนการเชือดสัตว์มุสลิมจะขออนุญาตพระเจ้าโดยการกล่าวว่า “บิสมิลลาฮ์ อัลลอฮุอักบัรฺ” (ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ พระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่) เนื้อสัตว์จึงเป็นที่อนุมัติให้กินได้

อาหารการกินมีผลต่อสุขภาพร่างกายฉันใด มันก็มีผลต่อจิตใจฉันนั้น เพราะร่างกายกับจิตใจอยู่ร่วมกันเป็นชีวิต ในอิสลามมีคำสอนว่า พระเจ้าจะไม่รับคำวิงวอนจากเลือดเนื้อที่เจริญเติบโตมาจากสิ่งต้องห้าม

ชีวิตไม่ได้จบลงตรงความตายครับ แต่ความตายเป็นสถานีที่วิญญาณต้องเดินทางต่อสู่โลกใหม่ และชะตากรรมของวิญญาณซึ่งเป็นชีวิตที่แท้จริงในโลกใหม่จะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตของเราในโลกนี้ ดังนั้น ขณะที่มีชีวิตผมจึงต้องเตรียมตัวสำหรับการเดินทางต่อหลังความตาย และสิ่งที่ผมปรารถนาจะได้หลังจากความตายก็คือชีวิตที่เป็นสุขอย่างนิรันดร์

ผมวิงวอนขอสิ่งนี้ตลอดทุกวันหลังการละหมาด ผมจึงต้องระวังเลือดเนื้อของผมมิให้เปรอะเปื้อนด้วยสิ่งที่พระเจ้าห้ามไว้ เพราะผมกลัวว่าพระเจ้าจะไม่รับคำวิงวอนของผม

ด้วยคำอธิบายเช่นนี้ ผมหวังว่าเพื่อนคงจะเข้าใจผม


You must be logged in to post a comment Login