วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567

กสอ.ดันอุตฯ เครื่องสำอางติดท็อป 10 โลก

On November 10, 2016

ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.)กล่าวว่า คลัสเตอร์อุตสาหกรรมเครื่องสำอา งถือเป็นหนึ่ง ในตัวอย่างการรวมกลุ่มทางอุตสาห กรรมที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำเ ร็จในการดำเนินธุรกิจแบบเครือข่ าย โดยจะเห็นได้จากทิศทางการเติบโต ที่มีอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นอุตสาหกรรมที่แทบ ไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ ทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อ นอกจากนี้ยังถือเป็น 1 ใน 4 อุตสาหกรรมที่มีดัชนีความเชื่อมั่ นและอุปสงค์จากทั้งในและต่างประ เทศในอัตราที่สูง (ที่มา: ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรร ม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) ซึ่งความก้าวหน้าในหลากหลายด้าน นี้เกิดจากการสร้างความร่วมมือทั้ งจากภาคธุรกิจ ภาคสถาบันการวิจัย และภาครัฐ พร้อมทั้งกลยุทธ์การปรับตัวในหลาย ๆ รูปแบบที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น อาทิ ด้านนวัตกรรมการผลิต การร่วมมือวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น โดยสิ่งเหล่านี้ถือเป็นรูปแบบกา รพัฒนาอุตสาหกรรมที่ดีที่กลุ่ มคลัสเตอร์ธุรกิจอื่นๆ จะสามารถนำไปเป็นต้นแบบและสร้าง แนวทางการดำเนินอุตสาหกรรมของตน ให้เกิดประสิทธิภาพได้อย่างกว้ างขวางต่อไปในอนาคต
ดร.พสุ กล่าวต่อว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมถือเป็นหน่ วยงานหนึ่งที่ให้การสนับสนุนและ ส่งเสริมในคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเ ครื่องสำอางมาอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาได้สร้างเครือข่ายคว ามร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ตลอดจนการสนับสนุนการพัฒนาองค์ค วามรู้และงานวิจัย รวมทั้งการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ให้แก่ผู้ประกอบการและผู้ที่สนใ จเกี่ยวกับเครื่องสำอาง เพื่อก่อให้เกิดการต่อยอดการพัฒ นานวัตกรรมและการสร้างมูลค่าเพิ่ มให้กับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ พร้อมทั้งการส่งเสริมให้เกิดควา มร่วมมือในระดับห่วงโซ่อุปทานที่ สามารถบูรณาการการเชื่อมโยงข้ อมูล จากกิจกรรมทางอุตสาหกรรมในระดั บต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยจะส่งผลให้การประกอบธุรกิจเป็ นไป อย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจ ทย์กระแสความต้องการของผู้บริ โภค ทั้งนี้ ในปี 2559 ยังได้ร่วมมือกับคลัสเตอร์อุตสา หกรรมเครื่องสำอางไทยนำร่องจั ดกิจกรรม THAILAND COSMETIC CONTEST 2016 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของการจัดกิ จกรรมประกวดสุดยอดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง โดยเป็นการเฟ้นหางานต้นแบบผลิตภั ณฑ์ภายใต้ตราสินค้าไทยเพื่อเป็ นตัวอย่างให้แก่ผู้ประกอบการทั่ วไปได้ โดยเป้าหมายสูงสุดเพื่อกระตุ้นใ ห้อุตสาหกรรมเครื่องสำอางนำความ รู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาใช้ในการพัฒนาสินค้า ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายประเทศไทย 4.0 เพื่อที่จะสามารถสร้างการแข่งขั นกับประเทศชั้นนำของโลกที่อุตสา หกรรมเครื่องสำอางพัฒนารุดหน้ าอย่างรวดเร็ว โดยแบ่งเป็น 10 สาขา ได้แก่ 1.รางวัล Cosmetic 4.0 2.รางวัล Thai Herb Cosmetic 3.รางวัล Thai Rice Cosmetic 4.รางวัล Cosmetic Science 5.รางวัล Global Green Cosmetic 6.รางวัล Biotech Cosmetic 7.รางวัล The Best Thai Graphic Design 8.รางวัล Social SME 9.รางวัล Popular Vote และ 10.รางวัล Thai Spa ทั้งนี้ ผู้ที่มีความโดดเด่นและได้รับรา งวัลในแต่ละสาขาจะได้รับการจดสิ ทธิบัตร พร้อมทั้งได้รับเงินทุนสนับสนุน เพื่อพัฒนาสู่การเป็นผู้ประกอบก ารเพื่อการต่อยอดการดำเนินธุรกิ จเครื่องสำอางต่อไปในอนาคต

ดร.พสุ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการพัฒนาและเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางที่เห็นในปัจจุบัน กสอ. มีความมุ่งมั่นที่จะเร่งผลักดัน ให้กลุ่มธุรกิจนี้สามารถก้าวเข้ าไปติด 1 ใน 10 ของเมืองแห่งเครื่องสำอางโลกภาย ในระยะเวลา 3 – 5 ปี โดยขณะนี้ไทยติดอันดับที่ 17 ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง และมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 2.7 แสนล้านบาท (ที่มาข้อมูล : สมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย) ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีที่จะทำใ ห้เป้าหมายที่วางไว้สามารถเป็ นไปได้ โดยเชื่อว่ากำลังซื้อจากตลาดในต่ างประเทศและจำนวนนักท่องเที่ ยวที่จะเดินทางเข้ามา ในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นจะเป็นกำ ลังซื้อหลักที่สำคัญ นอกจากนี้ จะเร่งผลักดันผู้ประกอบการให้มี ขีดความสามารถเพื่อให้ไทยเป็นฐา นการผลิต ในภูมิภาคหรือเป็นปารีสแห่งเอเชีย ซึ่งมั่นใจว่าการครองอันดับ 1 ในเอเชียเป็นเรื่องที่ไม่ยาก

นายสมประสงค์ พยัคฆพันธ์ ประธานคลัสเตอร์เครื่องสำอางไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากการรวมกลุ่มและสร้าง เครือข่ายสู่การเป็นคลัสเตอร์อุ ตสาหกรรมเครื่องสำอางไทยแล้วนั้ น ปัจจุบันยังมีการพัฒนาและรวมกลุ่มกับประเทศต่าง ๆ สู่การเป็นหนึ่งในสมาชิกคลัสเตอ ร์เครื่องสำอางโลก หรือ Cosmetic Valley โดยถือเป็นคลัสเตอร์อุตสาหกรรมแ รกของไทยที่ได้เข้าสู่ในระดั บนานาชาติ ซึ่งนับว่าสัญญาณที่ดีที่จะช่วย ให้อุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทย เกิดการเชื่อมโยงและพัฒนาไปในทิ ศทางเดียวกันกับประเทศชั้นนำด้า นอุตสาหกรรมดังกล่าวทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี เกาหลี เป็นต้น โดยขณะนี้ได้มีการลงนามการให้กา รสนับสนุนและส่งเสริมการร่วมมื อพัฒนา ในด้านต่าง ๆ ทั้งการแสดงสินค้าในเวทีระดับนา นาชาติ การเข้าถึงแหล่งข้อมูล การให้ความช่วยเหลือในด้านสิทธิ ประโยชน์ด้านวัตถุดิบ การวิจัย การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ การบูรณาการองค์ความรู้ด้านการผ ลิต เป็นต้น โดยเป็นการเชื่อมโยงในแบบ 360 องศา ซึ่งในอนาคตจะส่งผลให้อุตสาหกรร มเครื่องสำอางไทยเกิดความทัดเที ยมและเทียบเท่ากับแบรนด์สินค้ าชั้นนำในระดับสากลได้ต่อไป

ด้านนายชาญณรงค์ แสงเดือน กรรมการผู้จัดการบริษัท โอริกก้า จำกัด และผู้ได้รับรางวัล Cosmetic 4.0 จากกิจกรรม THAILAND COSMETIC CONTEST 2016 กล่าวว่า นวัตกรรมในการผลิตเครื่องสำอางเ ป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญ ซึ่งเป็นเสมือนเครื่องมือนำพาให้ ธุรกิจสามารถไปได้ไกลในระดับนานาชาติ โดยปัจจุบันตนค้นพบสารสกัดน้ำมั นจากตัวอ่อนของแมลงชนิดหนึ่ง ซึ่งมีสารสำคัญคือกรดลอริก โดยทั่วไปจะพบได้ในน้ำนมแม่ และน้ำมันมะพร้าว คุณสมบัติจากสารสกัดดังกล่าวเป็ นเรื่องที่แปลกใหม่และไม่เคยพบม าก่อนในวงการเครื่องสำอางและวิ ทยาศาสตร์ ซึ่งสามารถต้านมะเร็ง ลดการอักเสบ ลดไขมัน มีโอเมก้า 3 6 และ 9 สามารถก่อให้เกิดข้อดีในการดำเนิ นธุรกิจ ทั้งในด้านการสร้างมูลค่าและประ สิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ โดยขณะนี้ได้ดำเนินการจดสิทธิบั ตรสากลกับ WTO ซึ่งจะเป็นเรื่องดี ในด้านการคุ้มครองการประดิษฐ์คิ ดค้นหรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ โดยในอนาคตจะทำให้สินค้ามีความแ ตกต่างและแปลกใหม่จากสินค้าทั่ วไป ทั้งนี้ นอกจากการค้นพบนวัตกรรมดังกล่าว แล้ว ตนยังมีความมุ่งมั่นที่จะต่อยอด ให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบต่ างๆ เพื่อการพาณิชย์ทั้งในและต่างปร ะเทศ โดยตอนนี้ได้รับสัญญาณที่ดีจากป ระเทศเมียนมาร์ที่ได้ทำข้อตกลงเ พื่อการส่งออกสินค้าไปจำหน่ายในประเทศดังกล่าว ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าน่าจะได้รับก ารตอบรับที่ดีจากกำลังซื้อของปร ะชากรในประเทศที่กำลังเติบโตสูง


You must be logged in to post a comment Login