วันพฤหัสที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

อย่าประมาท‘ไฟใต้’เป็นอันขาด! / โดย กิตติพิชญ์ ยิ่งวรการสุข

On November 1, 2016

คอลัมน์ : ฟังจากปาก
ผู้เขียน : กิตติพิชญ์ ยิ่งวรการสุข

ในหลวงกับการแก้ปัญหาไฟใต้

สิ่งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงทำมาถือว่ายิ่งใหญ่กว่าการปฏิรูปประเทศในขณะนี้เสียอีก พระองค์เริ่มแรกเสด็จจังหวัดนราธิวาสเมื่อปี 2502 เริ่มเข้าไปศึกษาปัญหา ดูแลทุกข์สุขของชาวบ้านที่นับถือศาสนาอิสลามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จากนั้นเป็นต้นมาพระองค์ได้เสด็จไปเยี่ยม ไปพระราชทานความช่วยเหลือประชาชนเป็นประจำ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการสร้างพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์เมื่อปี 2517 พระองค์เสด็จไปประทับและเยี่ยมเยียนราษฎร มีโครงการช่วยเหลือมากมายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เท่าที่ผมมีตัวเลขไม่ต่ำกว่า 400 โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นการพัฒนาสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้านให้ดีขึ้น

นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเข้าพระทัยถึงขนบธรรมเนียมประเพณีในเรื่องหลักศาสนาอิสลามเป็นอย่างดี เวลาเสด็จในพื้นที่เราจะเห็นพระองค์ใส่พระทัยในทุกข์สุขของชาวไทยมุสลิม อย่างที่เรารู้จัก “พระสหายแห่งสายบุรี” คือ วาเด็ง ปูเต๊ะ ตอนที่เข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น วาเด็ง ปูเต๊ะ อายุ 70 ปี และไม่ได้ใส่เสื้อด้วย พระองค์ทรงสอบถามเรื่องในพื้นที่ และตอนที่วาเด็ง ปูเต๊ะ มีอายุ 80-90 ปี ยังถวายขนุนซึ่งชาวบ้านที่นั่นเรียกว่า “จำปาดะ” มาเป็นประจำเลย แกมีอายุจนถึง 96 ปี เพิ่งเสียชีวิตเมื่อปี 2555

สิ่งนี้ตอกย้ำให้เห็นถึงพระมหากรุณาธิคุณ ความเมตตาเอื้ออาทรต่อพสกนิกรชาวไทยโดยไม่ได้คำนึงถึงเชื้อชาติ ศาสนา ทุกคนที่อยู่ในราชอาณาจักรนี้ พระองค์ทรงให้ความเมตตาเสมอเหมือนกันไปหมด

นอกจากนี้มีการจัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองจำนวน 6 ศูนย์ทั่วประเทศ อยู่ที่นราธิวาส 1 ศูนย์ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ศึกษาและนำไปพัฒนาพื้นที่ของตัวเอง

ทั้งหลายทั้งปวงที่พระองค์ทรงทำในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอด 30-40 ปีที่ผ่านมา ทำให้พระองค์เข้าพระทัยเป็นอย่างดีในปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เรียกว่าเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง จนเป็นที่มาของยุทธศาสตร์ที่ทางรัฐบาลและหน่วยงานด้านความมั่นคงนำไปปฏิบัติกันในขณะนี้คือ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา”

ด้วยความใส่พระทัยในการเข้าไปดูแลทุกข์สุขชาวไทยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงเป็นที่มาของ 3 คำที่พระองค์ได้พระราชทานไว้กับหน่วยงานที่เข้าไปทำงานในพื้นที่ จนเป็นนโยบายสำคัญในการเข้าไปดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวขณะนี้ เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่า ด้วยบุญบารมี ด้วยพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตรงนี้จะเป็นพื้นฐานหลักสำคัญที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืนถาวรในอนาคตข้างหน้า

แม้ขณะนี้จะมีปัญหาความขัดแย้ง ปัญหาการใช้กำลังรุนแรงอย่างที่เราได้ยินได้ฟัง แต่ก็เป็นเพียงคนจำนวนไม่มาก คนที่มีแนวความคิดในการใช้กำลังรุนแรง แต่ผู้คนส่วนใหญ่ผมเชื่อเหลือเกินว่าทุกคนมีความจงรักภักดี สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชแน่นอน ที่พระองค์ทรงมีพระกรุณา มีพระเมตตา พระราชทานแนวความคิดในการช่วยเหลือเกื้อกูลประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

รัฐบาลน้อมนำไปใช้แค่ไหน

รัฐบาลที่ผ่านมา โดยเฉพาะรัฐบาลภายใต้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และหน่วยงานด้านความมั่นคง มีความเข้าใจตรงกันและให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์นี้ ซึ่งถูกนำไปสู่ยุทธการ วิธีปฏิบัติอีกมากมายหลายอย่าง เป้าหมายสำคัญคือ ให้ประชาชนในพื้นที่มีความเข้าใจในความจริงจัง ความจริงใจของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้าไปช่วยเหลือ ให้เกิดความไว้วางใจ ความเชื่อมั่น ศรัทธาต่อกลไกของรัฐ

ขณะเดียวกันกลไกของรัฐและเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นพลเรือน ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ทำงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะต้องมีความเข้าใจปัญหาอย่างกระจ่าง โดยเฉพาะคนนอกพื้นที่ที่เข้าไปทำงานในพื้นที่จะต้องเข้าใจอย่างกระจ่างชัดในขนบธรรมเนียมประเพณี ความรู้สึกนึกคิดของพี่น้องชาวไทยมุสลิม จะได้เห็นสภาพความเป็นจริงในพื้นที่และการพัฒนาตามโครงการต่างๆสัมฤทธิผลอย่างแท้จริง ขณะนี้สิ่งต่างๆที่ว่ากำลังเกิดขึ้น กำลังมีการดำเนินการ เชื่อว่าทุกฝ่ายเข้าใจเป็นอย่างดี และนำไปสู่การปฏิบัติในทิศทางเดียวกันและมีการบูรณาการยิ่งขึ้นกว่าในอดีต

ปัญหาใหญ่ในการแก้ไขปัญหา

มีอยู่หลายอย่าง ความจริงมีปัญหา มีเงื่อนไขหลายสิ่งหลายอย่าง ที่สำคัญคือ คนที่มีแนวความคิด มีอุดมการณ์ที่ใช้ความรุนแรงอย่างที่เราเห็นกันอยู่ ต้องการสร้างสถานการณ์ สร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้น สร้างกระแสทำนองนี้ยังมีอยู่ ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่รับความคิดหัวรุนแรงมาจากนอกประเทศ ต้องการจะแบ่งแยกดินแดน ไม่มองสภาพความจริงเหมือนคนรุ่นเก่าที่มีต่อรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มบีอาร์เอ็นหรือกลุ่มอะไรต่ออะไร พวกนี้มีความเข้าใจการแก้ไขปัญหาว่าไม่อาจใช้วิธีรุนแรงได้ ต้องพูดคุยกัน คนรุ่นเก่าที่เคยมีบทบาท มีอิทธิพล เขาไม่มีความคิดที่จะแบ่งแยกดินแดนออกไป

ปัญหาสำคัญคือ กลุ่มคนรุ่นใหม่หัวรุนแรงจะไม่ยอมรับฟังความคิดใดๆทั้งสิ้น แม้จะมีการพูดคุยกันเป็นการภายใน ปรึกษาหารือกันแก้ไขปัญหาที่ทางการเคยดำเนินการมา กลุ่มพวกนี้ก็ไม่ยอมรับ ยังใช้ความรุนแรงอยู่อย่างนี้ ผมคิดว่าเป็นปัญหาสำคัญที่สุด นอกจากนี้ยังมีจุดอ่อนเรื่องอื่นๆ แต่เจ้าหน้าที่และรัฐบาลก็หาทางแก้ไข โดยเฉพาะประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามจำนวนหนึ่งที่ยังเห็นอกเห็นใจกลุ่มผู้ใช้ความรุนแรง เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ตากใบ หรือกรณีมัสยิดกรือเซะ ทำให้ลูกหลานของเขาเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ความรู้สึกอันนี้ยังติดอยู่ในใจของพี่น้องชาวไทยมุสลิมบางส่วน ตรงนี้ยังเป็นอุปสรรค การที่จะขยายผลในทางลบอย่างนี้ทำได้ง่าย เชื่อว่ากลไกของรัฐเข้าใจเป็นอย่างดีถึงจุดอ่อนเหล่านี้ คงจะค่อยๆแก้ไขกันไป

ข้อสำคัญคือ ทำยังไงที่จะทำให้ศักยภาพกลุ่มที่หัวรุนแรงลดน้อยลงไปจนไม่สามารถขยายแนวร่วมเพิ่มขึ้น ป้องกันไม่ให้เขาขยายการปฏิบัติการออกนอกพื้นที่ อันนี้เป็นสิ่งที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคงจะต้องมาพิจารณาปรึกษาหารือ

ผมคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้สถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้คลี่คลายลงก็คือ จะต้องสร้างความรู้สึก ความเข้าใจ ความไว้วางใจให้เกิดในพี่น้องชาวไทยมุสลิมมากขึ้นเรื่อยๆ ตรงนี้จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เป็นหัวใจในการแก้ไขปัญหา

ความรุนแรงจะลุกลามถึงกรุงเทพฯ

ที่หลายฝ่ายเป็นห่วงว่าปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้จะขยายลุกลามไปยังจังหวัดอื่นๆทางภาคใต้ อย่างกรณีระเบิด 7 จังหวัด รวมถึงกรุงเทพฯ หน่วยงานความมั่นคงแจ้งให้ระวังจะเกิดคาร์บอมบ์ในกรุงเทพฯและปริมณฑล สมัยผมทำงานในฐานะเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และคนที่ทำงานต่อๆมา ก็มีความวิตกกังวลขีดความสามารถของเขาในการขยายออกมา แม้การปฏิบัติจะเน้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่เป้าหมายใหญ่ของเขาต้องการสร้างความสนใจ โดยเฉพาะนานาชาติ ให้เห็นถึงขีดความสามารถและยกระดับการปฏิบัติของเขา

เพราะฉะนั้นเขาก็มุ่งหมายปฏิบัติการในพื้นที่อื่นๆด้วย ถ้าเราเข้าใจอย่างนี้ เราต้องหาทางป้องกัน มีมาตรการติดตามอย่างใกล้ชิด เราจะประมาทไม่ได้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นใน 7 จังหวัดภาคใต้เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ชัดเจนว่าขีดความสามารถของผู้ก่อเหตุร้ายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้สามารถออกนอกพื้นที่ได้ เพียงแต่ยังไม่รุนแรงเท่านั้นเอง เป็นการสร้างสถานการณ์ให้ปรากฏ แต่ถ้ามองอีกด้านหนึ่งก็ควรเอาวิกฤตมาเป็นโอกาส เป็นการเตือนหน่วยงานด้านความมั่นคงว่า ต่อไปนี้อย่าประมาทเป็นอันขาด

ถ้ามีวิธีการใดที่จะกำหนดมาตรการให้อยู่ในขอบเขตของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ทำให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายในพื้นที่อื่นๆ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ต้องมีวิธีการจัดการ ปลูกฝังจิตสำนึกคนทุกกลุ่มในพื้นที่ รวมทั้งกลุ่มคนที่สัมผัสคนต่างประเทศ นักท่องเที่ยว จะต้องปลูกฝังอบรมเพื่อให้เกิดจิตสำนึกด้านความมั่นคง พบเห็นสิ่งใดที่แปลกปลอมผิดสังเกตต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที เพราะฉะนั้น หน่วยงานทางด้านความมั่นคงจะต้องรีบจัดสร้างตั้งขึ้นมา รีบดำเนินการ ซึ่งผมไม่รู้ว่าทำกันหรือยัง แต่เชื่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงคิดและทำอย่างที่ผมพูดนี่แหละ เพียงแต่เขาไม่บอกเท่านั้นเอง

การจับกุมนักศึกษาชายแดนใต้

ผมไม่สามารถวิเคราะห์ถึงผลดีผลเสียการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐได้ แต่ให้ระมัดระวัง บางครั้งอย่าจับกุมเลย อาจเชิญตัวมาพูดคุย มาสอบถามข้อเท็จจริงต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้น สถานการณ์อย่างนี้เป็นหน้าที่ของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง จะพูดว่าเกิดผลดีหรือผลเสียก็คงไม่ได้ พวกเราต้องทำทุกวิธี แต่จะทำอะไรก็ตามขอให้ยืนอยู่บนหลักการของกฎหมาย ให้ความยุติธรรม ให้ความเป็นธรรมผู้ต้องสงสัย ทุกสิ่งทุกอย่างต้องตั้งอยู่บนหลักของความถูกต้องเป็นธรรม

ที่สำคัญการจะไปจับกุมใคร ถ้าไม่มีหลักฐานเขาก็ฟ้องกลับได้ คนที่ถูกเพ่งเล็ง ถูกกล่าวหา เขาก็มีกฎหมายปกป้องเช่นเดียวกัน ไม่เหมือนสมัยก่อนที่จะไปจับใครก็ได้อย่างหลายสิบปีที่ผ่านมา ลงถังแดงบ้าง ไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว ยุคสมัยนี้เป็นยุคของข้อมูลข่าวสาร จะต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้คนในสังคม

ข่าวไอเอสหลบหนีเข้าอาเซียน

ส่วนกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอสที่รัฐมนตรีกลาโหมของมาเลเซียออกมาเตือน ผมคิดว่าไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย แต่ทุกประเทศก็มีความวิตกกังวลที่คนเหล่านี้จะเข้ามาปฏิบัติการ เข้ามาใช้พื้นที่ในทุกประเทศ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง อิรัก ซีเรีย ที่คนเหล่านี้เข้าไปมีบทบาท เข้าไปปฏิบัติ เราเห็นถึงความโหดร้ายทารุณอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ตัดคอกันง่ายๆขนาดนั้น ภาพเหล่านี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดความวิตกกังวลไปทั่วโลกจนมีกระแสข่าวไปต่างๆนานา

ไม่ว่าประเทศไหนมีช่องทาง มีโอกาสที่เขาจะเข้าไปปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่ง เขาก็ทำ ไม่ใช่เฉพาะที่มาจากต่างประเทศ คนภายในประเทศนั้นๆ หากเกิดความเลื่อมใสศรัทธา เห็นดีเห็นชอบกับอุดมการณ์กลุ่มไอเอส ก็อาจเข้าไปเป็นภาคี เป็นมิตร มีการปฏิบัติการในประเทศนั้นๆได้ อย่างที่เกิดขึ้นในยุโรป เช่น ฝรั่งเศส เบลเยียม เยอรมนี และอีกหลายๆประเทศ อาจไม่ใช่กลุ่มไอเอสจากตะวันออกกลาง แต่เป็นคนในประเทศนั้นๆที่เลื่อมใสศรัทธาในอุดมการณ์ ใช้ความรุนแรงยิ่งกว่าพวกอัลเคด้าเสียอีก

สำหรับประเทศไทยเราผมเป็นห่วงทุกเรื่อง จะเจาะจงเรื่องไหนไม่ได้ ที่สำคัญที่สุดเราจะทำอย่างไรที่จะหาทางปกป้อง ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้น ไม่ว่ากลุ่มไหนที่หัวรุนแรง เราก็ประมาทไม่ได้ทั้งนั้น รวมทั้งใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เช่นเดียวกัน ผมมองภาพรวมๆว่า การก่อเหตุร้ายจากกลุ่มไหนก็ตามก็มีความวิตกกังวลหมด ผมถึงพูดว่าทำอย่างไรที่จะทำให้หน่วยงานด้านความมั่นคงสร้างเครื่องไม้เครื่องมือ สร้างกลไกปลูกฝังจิตสำนึกให้คนในสังคมในจังหวัดที่เป็นพื้นที่เสี่ยงได้ตระหนัก ร่วมมือกับทางราชการ เป็นหูเป็นตา ไม่ใช่เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ต่อไปนี้จะต้องเป็นหูเป็นตาทั่วนาทั่วไร่ที่จะช่วยปกป้องคุ้มครองบ้านเมืองของเราให้รอดพ้นจากสถานการณ์เหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต


You must be logged in to post a comment Login