วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567

จะสง่างามต้องกล้าลงเลือกตั้ง! / โดย กิตติพิชญ์ ยิ่งวรการสุข

On October 17, 2016

คอลัมน์ : ฟังจากปาก
ผู้เขียน : กิตติพิชญ์ ยิ่งวรการสุข

สถานการณ์คอร์รัปชันยุครัฐบาล คสช.

ผมคิดว่าสถานการณ์คอร์รัปชันในยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่ต่างจากรัฐบาลที่ผ่านๆมา แต่รูปแบบการจะถ่วงดุล ตรวจสอบต่างกันมาก เพราะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมีการถ่วงดุล ตรวจสอบจากหลายฝ่าย หลายองค์กร ทั้งองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรงและภาคประชาชน แต่ยุคทหารเผด็จการ ภาคประชาชนที่จะตรวจสอบน้อยมาก คนไม่ค่อยกล้าเหมือนก่อน ยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ขู่ประชาชนที่ออกมาช่วยตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นคุณศรีสุวรรณ จรรยา หรือคุณเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยิ่งทำให้เห็นชัด

ที่สำคัญการตรวจสอบ คสช. ที่ยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถูกตีตกหมดเลย แต่ถ้าฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ประเด็นไม่ชัดก็ยังพยายามจะเอาผิดเขาให้ได้ ทำให้สังคมเห็นว่าเลือกปฏิบัติชัดเกินไปหรือไม่ ไหนคุณบอกจะเข้ามาปฏิรูปประเทศ คุณมีรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง แต่คุณมีแต่คำโฆษณาชวนเชื่อ

แม้แต่ในตัวรัฐธรรมนูญเองก็มีมาตรา 279 ที่ล้มล้างเจตนาปราบโกงทั้งหมด โดยระบุว่าประกาศ คำสั่ง และการกระทำใดๆของ คสช. และบริวารที่มีมาตั้งแต่วันที่เขายึดอำนาจ ปัจจุบันจนถึงวันที่จะมีคณะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเข้ามารับหน้าที่ การกระทำทั้งหมดนี้เอาผิดเขาไม่ได้ เขาจะไปฆ่าคนตาย หรือที่ผ่านมาจะมีคนตายในการควบคุมของเขาหลายศพ คสช. พ้นจากอำนาจไปก็รื้อฟื้นขึ้นมาไม่ได้ เพราะมาตรา 279 นิรโทษกรรมล่วงหน้า

อย่างนี้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญได้ยังไงและผ่านประชามติด้วย สะท้อนให้เห็นว่าการปราบโกงปราบคอร์รัปชันในยุคนี้ล้มเหลว สิ่งที่เราคาดหวังกันว่า อย่างน้อยเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่เป็นปัญหาของชาติบ้านเมืองคือเรื่องทุจริตคอร์รัปชันจะถูกจัดการหรือทำให้หมดไปในยุค คสช. แต่คุณดูสิมันหมดมั้ย นอกจากไม่หมดแล้วยังทำเองทั้งสิ้น

ไม่ต้องไปดูอื่นไกล ตอนนี้มีใครทำ ข่าวที่ปรากฏ ข่าวที่แย่งพื้นที่ในทุกวันนี้เป็นข่าวทุจริตของใคร คนที่อ่านออกเขียนได้และรู้ความไม่ใช่ทารกไร้เดียงสา รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่จะยอมรับมั้ย จะมีคนจำนวนหนึ่งที่หลับหูหลับตาเชียร์ เพราะตัวเองได้เลือก ได้เชิญเขาเข้ามาแล้ว ก็ต้องให้โอกาสเขาต่อไป เขาจะผิดถูกอย่างไรก็จะตะแบงว่าไม่เป็นไร ใครๆก็โกง โกงนิดๆหน่อยๆยังดีกว่ารัฐบาลพลเรือนโกง คือปลอบใจตัวเอง แต่หารู้ไม่ว่าถ้าคุณเกลียดคอร์รัปชัน ไม่ต้องการทุจริตคอร์รัปชันให้อยู่ในสังคมไทยต่อไป คุณต้องไม่สนับสนุนทุกคนที่ทุจริตที่โกง

ปัญหาที่ยังดำรงอยู่ในสังคมไทยที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข เพราะมีคนจำนวนหนึ่งที่ยังหลับหูหลับตาเชียร์ เมื่อก่อนเรามีสีเสื้อ เหลือง แดง ตอนนี้กลายเป็นว่ามีสีเขียวขึ้นมาอีก ใครเชียร์สีไหนก็เชียร์อย่างไม่ลืมหูลืมตา ขอย้ำว่านี่คือปัญหา ยิ่งกรณีฝายแม่ผ่องพรรณ หรือลูกชาย พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ที่ตั้งบริษัทรับเหมาในค่ายทหารนั้น ผมคิดว่าชัดยิ่งกว่าชัด คนทั้งประเทศเขาได้ตัดสินไปเรียบร้อยแล้ว

คุณต้องเข้าใจว่าการทุจริตบางเรื่องคนเขาไม่ต้องไปรอฟังคำพิพากษา เพราะมันชัดเจน มันเห็นคำพิพากษาอยู่ในตัว ประชาชนทุกคนสามารถเป็นตุลาการได้เอง เขาไม่ต้องรอว่าต้องให้ ป.ป.ช. ตรวจ ต้องให้ ป.ป.ช. ชี้มูลแล้วส่งไปศาลให้ตัดสิน เขาเห็นแล้ว เขาจบแล้ว เขาเข้าใจแล้ว มันเป็นสามัญสำนึก เห็นอยู่แล้วว่าเรื่องอย่างนี้ไม่ควรทำ รู้แล้วว่าถ้าทำอย่างนี้ไม่มีทางที่หน่วยงานราชการจะไม่เสียหาย เป็นไปไม่ได้ที่รัฐจะไม่เสียหาย ใช้น้ำไฟหลวง ใช้บ้านหลวงทำมาหากิน เสร็จแล้วมาประมูลงานกับหน่วยงานทหารนั้นๆอีก

ลูกชายที่อ้างว่าเป็นพลเรือนเอาผิดไม่ได้ก็ดันเป็นลูกของแม่ทัพอีก ผมถึงบอกว่าทุจริตบางเรื่องไม่ต้องไปรอคำพิพากษา คนที่เขารู้ความ ไม่ใช่ทารกไร้เดียงสา เขาสามารถจะพิพากษาได้เลย ผมขอย้ำว่ากรณีที่เกิดขึ้นนี้ถือว่าจบแล้ว ไม่ต้องรอเนติบริกรออกมาตะแบงข้างๆคูๆ คุณวิษณุ เครืองาม ก็เป็นอย่างนี้ทุกรัฐบาล ผมจึงไม่ได้แปลกใจ เพราะถ้าเขาไม่ทำตัวเยี่ยงนี้เขาก็ไม่ได้ตำแหน่ง ไม่ใช่เขาไม่มีความรู้ทางกฎหมาย เขามีความรู้ทางกฎหมายระดับแนวหน้าของประเทศ แต่กลับเอาความรู้ทางกฎหมายมาช่วยปกป้องแก้ปัญหาให้กับทุกรัฐบาล ซึ่งตรงนี้ไม่ถูก

คุณควรใช้ความรู้ทางกฎหมายผดุงความยุติธรรม ตรงนี้ต่างหาก เขาไม่ได้ห้ามถ้าคุณจะมาเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายให้กับรัฐบาล เรื่องอะไรที่ถูกคุณต้องใช้ความรู้ทางกฎหมายของคุณมาเป็นเหตุผลรองรับ แต่เรื่องไหนที่ผิดคุณก็ต้องยอมรับว่าพวกคุณทำผิด ใช้ข้อกฎหมายที่คุณมีความรู้มากมายระดับปรมาจารย์เอามารองรับ

ตรงนี้คนทั้งประเทศจะเห็นและยอมรับบทบาทของคุณ แต่ถ้าคุณใช้ความรู้ทางกฎหมายมารองรับ ช่วยแก้ผิดให้เป็นถูก หรือมาตะแบงเอาตัวรอดให้กับรัฐบาลที่คุณรับใช้ อย่างนี้จะให้คนเขายอมรับคุณได้อย่างไรว่าคุณใช้ความรู้ทางกฎหมายเพื่อผดุงความถูกต้อง เพื่อผดุงความยุติธรรมให้เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ที่คุณได้รับ เพราะตำแหน่งแบบนี้มีกี่คนที่จะได้แบบคุณ แล้วมันเป็นตัวอย่างด้วย เพราะตอนนี้คุณมาชูนโยบายจะแก้ปัญหาคอร์รัปชัน คุณตั้งองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันโดยใช้อำนาจของ คสช. ออกประกาศตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทุจริตแห่งชาติที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานเอง

พอน้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ถูกข้อกล่าวหา แทนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะต้องถอยห่างออกจากปัญหานี้กลับไปยืนข้างน้องที่กำลังถูกข้อกล่าวหา จริงๆคนที่ถูกกล่าวหาเรื่องทุจริต ยิ่งเป็นคนใกล้นายกรัฐมนตรีเท่าไร นายกรัฐมนตรียิ่งต้องห่างให้มากที่สุด เพราะตรงนี้จะแสดงความจริงจังและจริงใจในการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน แต่นายกรัฐมนตรีกลับประกาศให้คนทั้งประเทศรู้ว่ารักน้อง เป็นห่วงน้อง พอพูดอย่างนี้ทุกคนก็ต้องถอยเลย แล้วยังใช้อารมณ์เกรี้ยวกราดอีกเวลาที่สื่อมวลชนเข้าไปจี้ถามเรื่องน้องชาย

พล.อ.ปรีชาเองก็เป็นผู้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนตอนที่พี่ชายไปประชุมที่นิวยอร์กว่า พี่ชายเป็นห่วงและโทรศัพท์ทางไกลมาบอกว่าให้อยู่เงียบๆ ให้เรื่องเงียบไป มีผู้ใหญ่แนะนำมา ยิ่งไปกันใหญ่เลย ความจริง พล.อ.ประยุทธ์ต้องอยู่เฉยๆ ถอยห่าง ยิ่งใกล้ตัวคุณเท่าไร คุณต้องยิ่งห่างเลย เวลาสื่อสัมภาษณ์ต้องบอกว่าเรื่องน้องให้หน่วยงานที่มีอำนาจในการตรวจสอบดำเนินการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ทำอย่างนั้น คนจะเกิดความมั่นใจว่าขนาดน้องนายกรัฐมนตรีทำ นายกรัฐมนตรียังไม่เข้าไปยุ่ง และให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบโดยไม่ต้องเกรงใจใครแม้แต่ตัวนายกรัฐมนตรี

ถ้านายกรัฐมนตรีทำอย่างนั้น ผมคิดว่าคนจะมั่นใจในนโยบายปราบคอร์รัปชัน นอกจากไม่ทำอย่างที่ผมพูดแล้วยังเหมือนไปปกป้องและแก้ตัวให้ว่าไม่ผิด ใครๆเขาก็ทำ มิหนำซ้ำยังไปขู่คุณศรีสุวรรณ คุณเรืองไกรว่าจะตรวจสอบกลับ อย่างนี้คุณจะให้คนทั้งประเทศเขาเกิดความมั่นใจได้อย่างไรว่านโยบายปราบคอร์รัปชันของรัฐบาลชุดนี้จะทำได้จริง มาหลอกประชาชนทั้งประเทศว่ามีรัฐธรรมนูญปราบโกง ตั้งศาลคดีทุจริตเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา รวมทั้งกลไกต่างๆที่กำลังจะออกพระราชบัญญัติ 3 ชั่วโคตร แต่การกระทำกลับสวนทางโดยสิ้นเชิง

จะกระทบ “บิ๊กตู่” แค่ไหน

มันพังหมดแล้ว อย่าเรียกว่ากระทบเลย ไม่เหลืออะไรแล้ว ถ้าผมจำไม่ผิดมีสื่อต่างประเทศเปรียบเทียบกรณีหลานชายนายกรัฐมนตรีกลับไม่สนใจ แต่พยายามจะตรวจสอบเอาผิดโครงการของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พยายามยัดข้อหาคุณยิ่งลักษณ์เรื่องบริหารจัดการน้ำอะไรอย่างนี้ รัฐบาลคุณไล่บี้คุณยิ่งลักษณ์ แต่รัฐบาลนี้ไปซื้อยางกิโลกรัมละ 60 กว่าบาท เอาไปขายจีนราคา 42 บาท ขาดทุนชัดๆ 20 กว่าบาท อย่างนี้ไม่เอาผิดบ้างหรือ ทำไมไม่มีคนรับผิดชอบ แล้วไปเอาผิดคุณยิ่งลักษณ์ว่าทุจริตโกงกิน หรือบริหารผิดพลาดจนทำให้น้ำท่วมปี 2554 แล้วตอนนี้ล่ะ น้ำท่วมหลายจังหวัด แต่รัฐบาลส่งไก่อู (พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด) ไปคุมสื่อ ปิดข่าวหมด

ถามว่าส่งไก่อูไปคุมกรมประชาสัมพันธ์ คือคุมการข่าวทั้งประเทศ ห้ามเสนอความจริงใช่หรือไม่ แล้วดูซิว่าประชาชนจะได้รับรู้ความจริงอย่างตรงไปตรงมาหรือไม่ ตอนนี้น้ำท่วมหลายจังหวัด น้ำท่วมเป็นเมตร ความจริงต้องเปิดเต็มที่เลย เรื่องอย่างนี้สมควรเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้หรือ

หรือกรณีนายกรัฐมนตรีออกมาพูดว่าอายคนทั้งโลกที่มีผู้หญิงนุ่งกระโจมอกไปนั่งอาบน้ำในถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ บอกว่าอายเขาไปทั้งโลก แล้วความฉาวโฉ่ของรัฐบาลตั้งแต่ปฏิวัติมามีเรื่องคอร์รัปชันคนใกล้ตัวอย่างนี้ไม่อายบ้างหรือ ทำไมไม่พูดบ้าง หรือประเทศเราในยุคนี้อยู่ในยุคพูดความจริงไม่ได้ ห้ามพูด ใครพูดความจริงอาจจะเดือดร้อน

ภาพลักษณ์ว่าที่นายกฯคนนอก

พล.อ.ประยุทธ์ถูกหลายฝ่ายมองว่าจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกหลังการเลือกตั้งปี 2560 ผมคิดว่าเขาล็อกไว้เรียบร้อยแล้ว เหมือนเก้าอี้องค์กรอิสระที่เขาล็อกไว้หมด เขาล็อกตั้งแต่คนจะมาเป็นกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในอนาคต รวมทั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่จะมาหลังการเลือกตั้ง ไม่อย่างนั้นเขาไม่กล้าพูดอย่างชัดเจน อย่างไม่อายฟ้าอายดิน สิ่งที่เขาทำทั้งหมดเป็นการทำลายคู่แข่งทางการเมือง

คุณเห็นมั้ยมาตรการต่างๆที่ออกมาล้วนเป็นมาตรการเพื่อกำจัดคู่แข่งทางการเมืองทั้งสิ้น จะให้เหลือเฉพาะพวกเขา แล้วอย่างนี้คือประชาธิปไตยหรือ อนาคตใหม่ของประเทศอย่างนี้หรือ การคืนความสุขให้กับคนไทยทั้งประเทศที่ พล.อ.ประยุทธ์พูดทุกวันศุกร์ ถามว่าถ้าหาก พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯคนนอกและอยู่ยาวถึง 8 ปี จะเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมือง ผมคิดว่าถ้าอยากจะเป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ควรที่จะเข้ามาอย่างสง่างาม รอบแรกยึดอำนาจมาไม่สง่างาม

ถ้าอยากจะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ ผมขอท้าอย่างลูกผู้ชาย คุณลงสมัครรับเลือกตั้งสิ ถ้าคนส่วนใหญ่เขาเลือกคุณจริงตามโพลที่บอกว่าคนนิยมคุณเยอะ คุณได้รับเลือกเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ผมจะไม่ว่าสักคำ แต่ถ้าคุณจะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีแบบเอาเปรียบ วางหมากหลายชั้นอย่างนี้ จะให้ผมยอมรับได้อย่างไร แล้วจะสง่างามตรงไหน

เดินสายไปต่างประเทศกลับมาบอก โอ้โห…ต่างชาติเขาชอบผม ชื่นชมผม อย่าลืมว่าโลกใบนี้ ทุกวันนี้ทุกประเทศในโลกต่างฝ่ายต่างเอาตัวรอดกันทั้งนั้น ทุกประเทศเอาผลประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก ที่เขาออกมายอมรับการบริหารประเทศของตัวเอง ทั้งๆที่เป็นเผด็จการ รัฐประหารมา ความจริงใจที่ไหน ต่างประเทศก็ต้องการประโยชน์เท่านั้นเอง

ถามว่าเขาชื่นชมการปกครองแบบนี้จริงหรือเปล่า ก็ไม่ได้ชื่นชม คนที่เชียร์ก็ต้องหลับหูหลับตาเชียร์ว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังเหมาะสม แต่คนที่เขามองเห็นความจริง เขาเตรียมใจไว้แล้ว ถ้าลงเลือกตั้งเมื่อไรจะโหวตหรือไม่โหวต อย่างที่ผมท้า อยากเป็นนายกรัฐมนตรีอีกขอให้กล้าๆหน่อย ถ้าคิดว่าตัวเองมีคะแนนนิยมมากมายลงเลือกตั้งสิ สมัครเลย ไม่ต้องเหนียมอาย ตั้งพรรคการเมืองเลย ประกาศมาเป็นหัวหน้าพรรค ไม่ใช่จะเข้ามาแบบเอาเปรียบ จะให้เกิดระบอบประชาธิปไตย นี่หรือคือการเมืองใหม่

คาดหวังปราบทุจริตได้หรือไม่

คุณจะไปคาดหวังการปราบคอร์รัปชันในรัฐบาลสมัยหน้าได้อย่างไร ตอนนี้ก็เห็นอยู่ ผมเป็นชาวพุทธผมก็ต้องใช้หลักของชาวพุทธมาเป็นตัวที่พยากรณ์ พระพุทธเจ้าท่านก็บอกว่า อดีตผ่านไปแล้วไม่ต้องไปอาลัยอาวรณ์มัน อนาคตคือสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ปัจจุบันเท่านั้นที่เป็นตัวบ่งชี้อดีต ก็เห็นอยู่แล้วทำอะไร เข้ามาแบบไหน แบบประชาธิปไตยมั้ย หรือเอาปืนไล่คนอื่นออกไป ปัจจุบันใช้อำนาจยังไง ใช้มาตรา 44 เป็นประโยชน์ต่อคนทั้งประเทศหรือไม่ แก้ปัญหาเพียงจุดเล็กๆ กลายเป็นว่าใช้ปืน ใช้ขีปนาวุธมาจัดการกับยุงตัวเล็กๆ แทนที่จะใช้จัดการกับปัญหาของคนทั้งประเทศ ที่สำคัญยังไม่ปรากฏว่ามาตรา 44 จัดการกับบิ๊ก คสช. เลย

จุดยืนและอุดมการณ์ปราบโกง

เรื่องที่สังคมรู้จักผมเป็นครั้งแรกในปี 2539 เป็นต้นมา จนถึงวันนี้ก็ 20 ปีที่มีข่าวผมไม่เคยขาด ไม่หยุด ทุกรัฐบาล นายกรัฐมนตรีแทบจะทุกคนที่ถูกผมตรวจสอบ แทบจะไม่มีใครเว้นเลย อัยการสูงสุด องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ถูกยื่นถอดถอน ติดคุก ก็ผลงานผมทั้งนั้น กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. ขึ้นเงินเดือนตัวเองก็ผมทั้งนั้น นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หมดอำนาจหนีออกนอกประเทศ ใครล่ะ จะมีเว้นระยะ 3 ปี 6 เดือน ช่วงที่มันรวมหัวเอาผมไปติดคุกที่เขมร จุดยืนผมชัดเจน ผมไม่ใช่นึกสนุกที่มาทำตรงนี้ ผมอยากจะเห็นสังคมไทยไม่ต้องมีข้ออ้างว่ามีทุจริตก็มายึดอำนาจกัน

คอร์รัปชันในสังคมไทยลดลงจริงๆมั้ย ผมเห็นว่าโกหกกันทั้งนั้น ผมเห็นมาตลอดชีวิต มีแต่จอมปลอมกันทั้งนั้น แม้แต่ทุกวันนี้องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้อิสระจริงๆ ถูกแทรกแซงมาโดยตลอด ผมในฐานะประชาชนอยากจะทำเรื่องนี้จริงๆจังๆ ผมไม่ต้องมีอำนาจ ไม่ต้องมีบทบาทอะไร แต่ใช้ความจริงใจและความจริงจังของผม ผมไม่เคยเห็นแก่หน้าใคร ไม่คาดหวังอะไรกับสังคมไทยเวลานี้ ผมจะทำเต็มที่ ผมไม่ขอกับใคร ผมทำของผมเอง

ผมเชื่อว่าสิ่งที่ผมทำมีคนเห็น มีคนดูอยู่ คนที่เห็นที่ดูอยู่ขึ้นอยู่กับว่าเขาเป็นคนแบบไหน ถ้าเป็นคนรักความเป็นธรรมก็จะมายืนข้างผม แต่ถ้าเป็นคนโกงคงไม่มายืนข้างผมแน่ แล้วผมจะไปคาดหวังอะไรกับคนเหล่านี้ ผมไม่ไปคาดหวังใครทั้งสิ้น ผมทำของผมเต็มที่อย่างไม่มีข้อจำกัด ไม่ได้หมายความว่าผมไม่กลัวตายนะ ผมก็กลัว แต่อุดมการณ์และความตั้งใจของผมตอนนี้มากกว่าความกลัวตายเลยทำให้ผมทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ ความกลัวตายก็ยังมีอยู่ ยังไม่หมดไป เพียงแต่ว่ามันน้อยกว่าอุดมการณ์ อุดมการณ์มันมากกว่าเลยทำให้ผมทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้


You must be logged in to post a comment Login