วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567

สหรัฐทุ่มช่วยอิสราเอล? / โดย ณ สันมหาพล

On October 3, 2016

คอลัมน์ : โลกไม่หยุดนิ่ง
ผู้เขียน : ณ สันมหาพล

ยังวิจารณ์อึงคะนึงไม่เลิกกรณีสหรัฐให้เงินช่วยเหลือทางทหารแก่อิสราเอลมูลค่า 38,000 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท หลังจากทั้ง 2 ประเทศลงนามในบันทึกความเข้าใจที่กรุงวอชิงตันเมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา ถือเป็นเงินช่วยเหลือทางทหารมากที่สุดเท่าที่สหรัฐเคยให้ประเทศพันธมิตร ซึ่งอิสราเอลได้รับเงินช่วยเหลือเมื่อ 9 ปีที่แล้วจำนวน 31,000 ล้านเหรียญ การช่วยเหลือครั้งหลังนี้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 27

มีการจับตาการให้ความช่วยเหลือครั้งใหม่ ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกกำลังเผชิญกับปัญหาก่อการร้ายขั้นรุนแรงจากกลุ่มศาสนาที่เกลียดตะวันตก รวมทั้งคนยิว

เป็นที่ทราบกันดีว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา กับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทานยาฮู มีเรื่องขัดใจกันหลังจากสหรัฐบรรลุข้อตกลงให้อิหร่านเลิกพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และไม่พอใจที่เนทานยาฮูไม่ร่วมแก้ปัญหาปาเลสไตน์ด้วยการให้ปาเลสไตน์เป็นประเทศเอกราชเพื่อยุติข้อพิพาทที่มีมานาน

ประเด็นความขัดแย้งดังกล่าวอาจทำให้สหรัฐยินยอมนโยบายหลายเรื่องของอิสราเอลและข้อตกลงที่ให้สหรัฐได้รับประโยชน์อย่างที่ไม่มีใครคาดคิด ที่สำคัญคือไม่อนุญาตให้อิสราเอลใช้เงินช่วยเหลือร้อยละ 26 ซื้ออาวุธเฉพาะบริษัทในประเทศตลอดอายุข้อตกลงคือภายใน 5 ปีข้างหน้า จากเดิมที่อิสราเอลให้บริษัทอาวุธของอิสราเอลพัฒนาอาวุธจนมีความก้าวหน้าไปอย่างมาก ซึ่งทำให้อิสราเอลไม่จำเป็นต้องนำเงินส่วนหนึ่งเพื่อซื้ออาวุธในประเทศ

เมื่อเป็นเช่นนี้ประโยชน์ก็จะตกกับสหรัฐ คือบริษัทอาวุธของสหรัฐจะได้รับโอกาสขายอาวุธให้อิสราเอลจากเงินช่วยเหลือดังกล่าว เพราะอย่างไรก็ตามอิสราเอลคงไม่นำเงินไปซื้ออาวุธประเทศอื่น แต่ก็เป็นไปได้ที่อิสราเอลจะซื้ออาวุธจากกลุ่มบริษัทอาวุธของอิสราเอสที่เข้าไปตั้งบริษัทในสหรัฐ อย่างบริษัทเอลบิท ซิสเต็มส์ (Elbit Systems Ltd.) เพื่อเป็นตัวแทนขายอาวุธผ่านข้อตกลงดังกล่าว นอกจากนี้ยังสามารถบุกตลาดอาวุธในสหรัฐได้อีกด้วย ซึ่งอิสราเอลมีชื่อในการประดิษฐ์คิดค้นและผลิตอาวุธทันสมัยต่างๆ

ในบันทึกความเข้าใจยังมีข้อตกลงที่จะให้สหรัฐลดความตึงเครียดทางการเมือง คือห้ามไม่ให้อิสราเอลขอเงินช่วยเหลือทางทหารเพิ่ม ยกเว้นกรณีเดียวคือเกิดสงคราม รวมถึงห้ามไม่ให้เจรจาขอเงินช่วยเหลือด้านการป้องกันขีปนาวุธ ซึ่งที่ผ่านมามีการเจรจาขอความช่วยเหลือแยกต่างหาก แต่ในบันทึกฉบับใหม่ระบุว่าสหรัฐจะให้เงินช่วยเหลือด้านนี้ 5,000 ล้านเหรียญเท่านั้น

เป็นที่ทราบกันดีว่าอิสราเอลมีอิทธิพลต่อการเมืองสหรัฐมากแค่ไหน ทั้งการล็อบบี้ผ่านนักการเมืองและสื่อมวลชน ความนิยมในคนอเมริกัน ไม่เฉพาะคนอเมริกันเชื้อสายยิวเท่านั้น แต่ยังมีผู้เห็นอกเห็นใจชาวยิวในความสามารถด้านต่างๆ ซึ่งเห็นได้จากการหาเสียงและในสภาคองเกรสที่มีเรื่องชุลมุนที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอลเป็นประจำจนกลายเป็นเรื่องปรกติ

คาดว่าเงินช่วยเหลือที่อิสราเอลได้รับก้อนนี้จะถูกใช้เพื่อยกระดับกองทัพอากาศด้วยการซื้อเครื่องบินล็อกฮีด มาร์ติน เอฟ-35 ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่ยุคหน้าที่สหรัฐพัฒนาร่วมกับประเทศพันธมิตร โดยอิสราเอลได้สั่งซื้อแล้ว 33 ลำๆละประมาณ 100 ล้านเหรียญ รวมเป็นเงิน 3,300 ล้านเหรียญ หรือเกือบร้อยละ 10 ของเงินช่วยเหลือ โดย 2 ลำแรกมีกำหนดส่งมอบเดือนธันวาคมนี้ ส่วนที่เหลือจะส่งมอบพร้อมกับซาอุดีอาระเบียซึ่งถือเป็นประเทศพันธมิตรสำคัญในตะวันออกกลาง แม้จะไม่พอใจนักที่สหรัฐเป็นพันธมิตรทางทหารกับอิสราเอล

นับตั้งแต่อิสราเอลก่อตั้งประเทศ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นดินแดนของชาวปาเลสไตน์ที่อยู่อาศัยมายาวนาน ทำให้ปัญหาอิสราเอลเป็นชนวนสงครามและกรณีพิพาทนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ทำให้อิสราเอลกลายเป็นประเทศที่เข้มแข็งด้านการทหารจนสหรัฐต้องพึ่งพาเพื่อให้ช่วยรักษาความมั่นคงในภูมิภาคตะวันออกกลางที่ขณะนั้นสหภาพโซเวียตกำลังแผ่อิทธิพลเข้ามาในตะวันออกกลาง ซึ่งมีน้ำมันที่ถือเป็นแหล่งพลังงานสำคัญของโลก

ในอดีตเมื่อใดก็ตามที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น ประเทศในตะวันออกกลางไม่ใช่จะมีความร่ำรวยเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของโลก ส่วนหนึ่งของการเข้าไปมีอิทธิพลของสหรัฐก็เพื่อไม่ให้ประเทศในตะวันออกกลางถูกครอบงำจากกลุ่มศาสนาที่นิยมความรุนแรง

อิสราเอลจึงทำหน้าที่นี้และทำได้ดีเยี่ยม โดยเฉพาะด้านการข่าวและการจารกรรมถือว่ามีความเป็นเลิศไม่แพ้ประเทศใดในโลก แม้แต่สหรัฐยังต้องพึ่งความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆของอิสราเอล ทำให้อิสราเอลมีความแข็งแกร่งทั้งด้านอาวุธ ข่าวกรอง และเทคโนโลยี จึงไม่แปลกที่สหรัฐต้องทุ่มเงินก้อนใหญ่เพื่อช่วยเหลืออิสราเอลด้านการทหาร


You must be logged in to post a comment Login